หลังจากที่แบรนด์รถยนต์ Super Car หลาย ๆ แบรนด์ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ต่างล้วนจะมีรถยนต์ Super Car หรือ Hyper Car รุ่นพิเศษที่ไม่มีหลังคา และ กระจกหน้าเพื่อผลิตขึ้นมาใช้ในการแข่งขันหรือไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ทาง Lamborghini เองก็ไม่รอช้าที่จะสร้างรถยนต์แบบ Speedster อย่าง Lamborghini Aventador J รถยนต์ Super Car เปิดประทุนแบบไม่มีกระจก รุ่นพิเศษของแบรนด์ ที่มากับสมรรถนะแบบรถแข่ง คันนี้ออกมาตอบสนองความท้าทาย และ ผลิตออกมาวางจำหน่ายให้คนได้ใช้กันจริง ๆ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนคอนเซ็ปท์คาร์ก็ตาม โดยจะถูกวางจำหน่ายเพียง 1 คันเท่านั้นซึ่งใครที่ได้ไปครอบครังนั้นก็ต้องบอกเลยว่าโชคดีอย่างเดียวไม่พอจริง ๆ เพราะรถยนต์คันนี้จะมาในพื้นฐานของรุ่น Aventador ที่เป็นพี่ใหญ่ของ Super Car โดยจะมากับรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบบรถแข่งสไตล์ Speedster ซึ่งรถยนต์คันนี้จะมีรายละเอียดและสิ่งที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง เราไปรับชมกันเลยครับ
ดีไซน์ภายนอกรถยนต์ : Lamborghini Aventador J
Exterior:ภายนอกของรถยนต์
- มีกันชนหน้าดีไซน์ใหม่แบบ คาร์บอนไฟเบอร์ 2 ชั้น
- มีลิ้นใต้กันชนหน้าแบบ คาร์บอนไฟเบอร์ 2 ชั้น
- มีช่องดักอากาศบนกันชนด้านหน้าขนาดใหญ่ขึ้น
- มี Winglets อยู่บริเวณช่องดักอากาศด้านในของกันชนหน้าทั้ง 2 ด้าน
- มีสัญลักษณ์กระทิงดุ Lamborghini บนฝากระโปรงด้านหน้า
- มีโครมไฟหน้าแบบลมดำ โดยคันนี้จะใช้เป็นสีดำเงา
- มีไฟหน้าแบบ Matrix Adaptive LED
- มีไฟหรี่ Daytime Running Light แบบ LED รูปตัว Y
- มีไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED 3 มิติ
- มีกระจกมองดีไซน์ใหม่ ออกแบบให้รับกับหลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ
- มีกระจกมองหลังดีไซน์สุดล้ำ ออกแบบเป็นชิ้นเดียวกับโครงสร้างตัวถัง ช่วยค้ำยันเวลาพลิกคว่ำได้ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะเกิดกับรถยนต์คันนี้ก็ตาม
- มี Skirt ด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ ตกแต่งขอบด้วยคาร์บอนไฟเบอร์
- มีช่องรับอากาศบริเวณ Skirt ด้านข้าง
- มีช่องดักอากาศบริเวณ โปร่งซุ้มล้อด้านหลัง
- ตกแต่งขอบช่องดักอากาศด้วยคาร์บอนไฟเบอร์
- มีไฟท้าย LED แบบ Light Gilding รูปตัว Y 3 ดวง
- มีไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- มีไฟเลี้ยวด้านท้ายแบบ LED 3 มิติ
- มีฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลังแบบเปิดโล่งในโซนกลาง โชว์บล็อกเครื่องยนต์
- มี Spoiler แบบ Cabon Fibre ดีไซน์ใหม่ขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มแรงกดอากาศให้กับตัวรถในด้านหลังได้เยอะมาก ๆ
- มีกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ แบบคาร์บอนไฟเบอร์เต็มลำ
- มีตะแกรงระบายความร้อน ลาย Diamond Cut สีดำ ขนาดใหญ่ด้านหลัง พร้อมตกแต่งสัญลักษณ์ Lamborghini สีแดง ไว้ระหว่างกึ่งกลาง
- มีช่องระบายอากาศบนกันชนท้าย หลังซุ้มล้อด้านหลัง
- มีดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังสไตล์สปอร์ต ใช้วัสดุแบบคาร์บอนไฟเบอร์
- มีท่อไอเสีย Titanium 4 ใบจาก Akrapovic ที่มากับฟังก์ชันปรับระดับเสียงได้
- มีล้อแม็กซ์ Forged ดีไซน์ใหม่แบบทูโทน สลับสี
- มีล้อหน้าขนาด 8.5 นิ้ว X 19 นิ้ว มาพร้อมกับยาง Pirelli P Zero ขนาด 255/35 ZR19
- มีล้อหลังขนาด 11 นิ้ว X 20 นิ้ว มาพร้อมกับยาง Pirelli P Zero ขนาด 335/30 ZR22
- มาพร้อมกับจานเบรกคาร์บอนเซรามิค และ คาลิปเปอร์เบรกขนาดใหญ่ที่สามารถเลือกสีได้
Dimension:มิติตัวถังรถ
- มีความยาวทั้งหมดขนาด 4,780 มิลลิเมตร
- มีความกว้างทังหมด 2,030 มิลลิเมตร
- มีความสูงทั้งหมด 1,136 มิลลิเมตร
- มีระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร
- มีระยะห่างของล้อคู่หน้า 1,720 มิลลิเมตร
- มีระยะห่างของล้อคู่หลัง 1,680 มิลลิเมตร
- มีความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุด 110 มิลลิเมตร
- มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้า 100 ลิตร
- มีน้ำหนักตัวถังทั้งหมด 1,622 กิโลกรัม
- มีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักรถอยู่ที่ 43 : 57
- มีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด 85 ลิตร
ดีไซน์ภายในรถยนต์ : Lamborghini Aventador J
Interior:ภายในรถยนต์
- ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีทูโทน สามารถเลือกเฉดสีได้อย่างหลากหลาย และ Custom ได้อย่างอิสระ
- ใช้วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยหนัง และ Alcantara เดินตะเขิบด้วยด้ายสีเดียวกับตัวรถ หรือ ตามสีที่เลือก
- ใช้วัสดุตกแต่งอุปกรณ์ด้านในด้วยสีดำเงา , สีเงินโครเมี่ยม และ ลายคาร์บอนไฟเบอร์
- มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบ Ambient Light
- มีพวงมาลัย 3 ก้าน มัลติฟังก์ชัน
- มีชุดหน้าจอมาตรวัดแบบ Full LCD Digital ที่มีฟังก์ชันรูปแบบการแสดงผลหลายรูปแบบ
- มีแป้นเปลี่ยนเกียร์แบบ Paddle Shift
- มีเกียร์อัตโนมัติ แบบปุ่มกดสไตล์ Super Car
- มีปุ่ม Push Start สไตล์สปอร์ตสีแดง
- มีกุญแจแบบ Keyless Go Entry
- มีปุ่มปรับโหมดการทำงานของ Traction Control
- มีปุ่มปรับโหมดการทำงานของ ABS
- มีปุ่มปรับระดับความสูงของช่วงล่าง หรือ Lift Control
- มีปุ่ม Launch Control
- มีแป้นคันเร่ง และ เบรก แบบสปอร์ต พร้อมปุ่มยางกันลื่น
- มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระ ซ้าย , ขวา
- มีเบาะนั่งทั้งหมดหุ้มด้วย Alcantara สีดำ เดินตะเข็บด้วยด้ายสีเดียวกับตัวรถ หรือ ตามสีที่เลือก
- มีสัญลักษณ์กระทิกดุ Lamborghini ปักอยู่บนพนักพิงศีรษะ (ตัวเบาะนั่งสามารถเลือกตกแต่งได้อย่างอิสระ)
- มีเบาะนั่งคู่หน้าสไตล์รถแข่ง แบบ Full Bucket Seat ยึดเป็นส่วนเดียวกับโครงสร้าง
เครื่องยนต์รถยนต์ : Lamborghini Aventador J
Engine:เครื่องยนต์
- สำหรับในรุ่นนี้จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน V12 N/A ขนาด 6.5 ลิตร 6,498 ซีซี 48 วาล์ว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดแบบ Direct Injection ระบายความร้อนด้วยน้ำและอากาศ ใช้ลูกสูบขนาด 95 มิลลิเมตร กับ ระยะช่วงชัก 76.4 มิลลิเมตร ในอัตราส่วนกำลังอัด 11.8 : 1 สามารถเรียกพละกำลังสูงสุดได้ 700 แรงม้า ที่ 8,250 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 690 นิวตันเมตร ที่ 5,500 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบ Dual Clutch LDF ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบ AWD พร้อมกับเฟืองท้ายแบบพิเศษ ส่วนตัวเลขสมรรถนะที่รถยนต์คันนี้ทำได้ มีดังนี้
- สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 2.9 วินาที
- สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 8.7 วินาที
- สามารถทำเวลาควอเตอร์ไมล์ หรือ สนามแข่งคลอง 5 บ้านเราได้ในเวลา 10 วินาที
- มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- สามารถเบรกจากความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในระยะเบรกเพียง 31 เมตร เท่านั้น ในเวลาไม่เกิน 3 วินาที
มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ
- โหมด Strada
- โหมด Sport
- โหมด Corsa หรือ โหมด Track
ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ : Lamborghini Aventador J
Frame & Suspension : โครงสร้างตัวถัง และ ช่วงล่าง
- ใช้โครงสร้างตัวถังแบบ Full Carbon Fibre ให้ความแข็งแรงทนทาน รองรับกับความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี แถมยังเป็นโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา
- ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD ที่สามารถกระจายน้ำหนักระหว่างล้อหน้าและล้อหลังได้อย่างอิสระ อยู่ที่ 40/60 และ สามารถกระจายน้ำหนักได้อย่างอิสระตามความเหมาะสมเมื่อรถเสียการควบคุม
- มีระบบเลี้ยว 4 ล้อ แบบเดียวกับในรุ่น Aventador S ซึ่งจะมีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไปตามโหมดการขับขี่และความเร็วของรถมีระบบ Lamborghini Piattaforma Inerziale ช่วยปรับสมดุลของตัวรถ ตามค่าที่วัดได้จากจุดศูนย์ถ่วงรถ เพื่อให้ตัวรถมีสมดุลในการขับขี่ตลอดเวลา
- มีระบบกันสะเทือนด้านหน้า และ ด้านหลัง แบบอิสระปีกนกคู่ที่ทำจากอลูมิเนียม โดยที่ตัวสปริงจะเป็นเหล็ก และ ตัวโช๊คอัพจะเป็นแบบไฮดรอลิก
- มีระบบ Magneto-rheological ช่วยปรับค่าการทำงานของโช๊คอัพด้วยระบบไฟฟ้า ตั้งแต่ ความแข็งอ่อน ความยึดหยุ่น และ ระดับความสูง
- มีระบบห้ามล้อด้านหน้าเป็นดิสก์เบรก ใช้จากเบรกแบบ Carbon Ceramic ขนาด 400 มิลลิเมตร หนา 38 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 6 Pots จาก Brembo
- มีระบบห้ามล้อด้านหลังเป็นดิสก์เบรก ใช้จากเบรกแบบ Carbon Ceramic ขนาด 380 มิลลิเมตร หนา 32 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 4 Pots จาก Brembo
Safety:ระบบความปลอดภัย
- มีระบบ Lamborghini Piattaforma Inerziale ช่วยปรับสมดุลของตัวรถ ตามค่าที่วัดได้จากจุดศูนย์ถ่วงรถ เพื่อให้ตัวรถมีสมดุลในการขับขี่ตลอดเวลา
- มีระบบ Lamborghini Dynamic Steering ช่วยปรับน้ำหนักของพวงมาลัยตามความเร็วรถ
- มีระบบ Torque Vertoring ช่วยควบคุมแรงบิดให้ลงสู่ล้อได้เร็วยิ่งขึ้น แต่อยู่ในปริมาณที่ไม่เกินขีดจำกัดของตัวรถ
- มีระบบ EPS ช่วยผ่อนแรงของพวงมาลัยโดยจะปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ
- มีระบบ ABS ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อคเมื่อเบรกกะทันหัน
- มีระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรกให้สม่ำเสมอกัน
- มีระบบ BA ช่วยเสริมแรงเบรกให้กับล้อทั้ง 4
- มีระบบ CBC ช่วยควบคุมการกระจายแรงเบรกในขณะเข้าโค้ง
- มีระบบ DBC ช่วยควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน
- มีระบบ ESC ช่วยควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว
- มีระบบ P-TCS ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการลื่นไถล และ ช่วยไม่ให้ล้อหลังหมุนฟรีโดยไม่จำเป็น
- มีระบบ ESS ช่วยเปิดไฟกระพริบฉุกเฉินให้ทันทีเมื่อเบรกกะทันหัน
- มีระบบ HSA ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- มีระบบ HDC ช่วยชะลอความเร็วรถยนต์ในเวลาลงทางลาดชัน
- มีระบบ TPLW ช่วยแจ้งเตือนเมื่อลมยางมีแรงดันที่ผิดปกติ
- มีระบบ ADF ช่วยทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการรวมเทคโนโลยีของด้านนี้ทุกอย่างรวมไว้ในระบบเดียว ให้ทำงานได้อย่างครบถ้วนตั้งแต่ เรื่องของความปลอดภัย ไปจนถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น
- มีระบบ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- มีระบบ เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
- มีระบบ แจ้งเตือนการชนด้านหน้า พร้อมช่วยชะลอความเร็วให้อัตโนมัติ
- มีระบบ รายงานสภาพจราจร
- มีกล้องมองภาพจากมุมสูง
- มีกุญแจรีโมทแบบ Smart Keyless ที่ทำหน้าที่ได้อย่างหลากหลาย สามารถตั้งโหมดการขับขี่แบบ EGO หรือ ระบบ Infotainment ได้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนจะขึ้นไปบนรถ
- มีเซนเซอร์ช่วยวัดระยะในการจอบรอบคัน
- มีเซนเซอร์แจ้งเตือกวัตถุ หรือ รถ ในมุมอับสายตารอบคัน
- มีกล้องมองภาพรอบคันรถแบบ 360 องศา
- มีถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
- มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- มีม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง
จุดเด่นของรถยนต์ : Lamborghini Aventador J
สำหรับจุดเด่นของรถยนต์คันนี้ในส่วนที่ต้องพูดถึงหลัก ๆ คือเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ชวนให้สาวก Lamborghini ได้หลงไหล เพราะเป็นการนำรถ Super Car พี่ใหญ่ตัวท็อปมาเปิดหลังคา และ กระจกหน้าออกให้ดูเหมือนเป็นรถแข่งแนว Speedster โดยที่มาพร้อมกับระบบจัดการอากาศสุดอัจฉริยะที่จะจัดการให้อากาศไหลเข้าห้องโดยสารได้น้อยมากที่สุด โดยที่ผู้ขับและผู้โดยสารไม่ต้องรับกับแรงปะทะจากลมที่มากเกินไป ซึ่งรถรูปทรงนี้จะได้เปรียบมากกว่ารถเปิดประทุนทั่วไป กับ รถที่มีหลังคาในทุกด้าน ส่วนขุมพลังก็จะมากับเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร แบบเดียวกับ Aventador รวมไปถึงช่วงล่างและระบบความปลอดภัยเองก็เช่นกัน จะต่างก็แค่อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และ สิ่งบันเทิงภายในจะไม่ได้มีมาให้เหมือนกับรุ่นปกติ
สรุปรถยนต์ : Lamborghini Aventador J
สำหรับรถยนต์คันนี้ก็ถือว่าเป็นรถยนต์ Super Car Speedster รุ่น One Of ที่ผลิตมาวางจำหน่ายเพียงแค่ 1 คันเท่านั้น ซึ่งต่างจาก Concept Car ที่ผลิตมาโชว์แต่ไม่ได้วางจำหน่าย สำหรับการที่จะครอบครองรถยนต์แบบนี้จากทาง Lamborghini ได้ จะต้องเป็นลูกค้าที่อยู่กับ Lamborghini มาอย่างยาวนานซึ่งทางผู้ผลิตจะยกให้เป็น Partners และ ได้สิทธิพิเศษจากทางผู้ผลิตอีกมากมายอย่างเช่นการถูกเช็ญไปเปิดตัวรถรุ่นใหม่ และ สามารถตกลงสั่งจองได้ก่อนใคร แบบ ผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้นั่นเอง ซึ่งคุณสมบัติที่กล่าวมานั้นก็มีคนไทยหลายคนที่ได้รับสิทธิพิเศษนี้ด้วยเช่นกันในปัจจุบัน
ราคารถยนต์ : Lamborghini Aventador J
รถยนต์ Lamborghini Aventador J ราคา 84,100,000 บาท (โดยไม่รวมภาษีนำเข้า)
Link ซื้อรถยนต์ : Lamborghini Aventador J
https://www.lamborghini.com/en-en/
เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ที่พิเศษที่สุด และ ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้ อีกหนึ่งรุ่นของแบรนด์ Lamborghini เลย เพราะอย่างที่ได้เล่ามาว่า รถยนต์ Lamborghini Aventador J รถยนต์ Super Car เปิดประทุนแบบไม่มีกระจก รุ่นพิเศษของแบรนด์ ที่มากับสมรรถนะแบบรถแข่ง คันนี้ ถูกผลิตออกมาวางจำหน่ายเพียงแค่ 1 คันเท่านั้น ซึ่งก็มีเจ้าของไปเป็นที่เรียบร้อย และ ถ้าเป็นคุณก็คงไม่คิดจะขายเช่นกัน แต่ก็ไม่ต้องเสียใจไปเพราะทาง Lamborghini ก็ยังมีรุ่นพิเศษอีกหลาย ๆ รุ่นที่พร้อมรอต้อนรับเหล่าบรรดา Partners รายใหม่ที่จะเข้ามาในอนาคต และ สำหรับวันนี้ https://mywonderwheel.com/ ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน ส่วนในครั้งหน้าเราจะนำ Super Car รุ่นพิเศษ รุ่นไหนมาฝากทุกท่านกันอีก โปรดติดตามกันด้วยนะครับ
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ไฮโลไทย