หลังจากที่รุ่น Laferrari ในโฉมคูเป้ได้สร้างปรากฏการใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์มากมายอย่างเช่นการนำพลังงานไฟฟ้าเข้ามาใช้เป็นครั้งแรก และ ยังได้เสียงตอบรับจากกลุ่มลูกค้าได้ดีเกินขาดจนทำให้รุ่นดังกล่าวมีราคาสูงเกินค่าตัวตังแต่วันที่จำหน่ายกันไป มาครั้งนี้ทางผู้ผลิตได้เปิดตัวรุ่นที่ Rare กว่าเดิม อย่าง Ferrari LaFerrari Aperta รถยนต์ Hyper Car พลังงานไฮบริด โฉม Minorchange เวอร์ชั่นเปิดประทุน ผลิตเพียง 209 คันทั่วโลก คันนี้ ที่เปิดตัวมาในงานฉลองครบรอบ 70 ปี Ferrari Thailand ซึ่งไฮไลท์ของงานในครั้งนี้ก็คือการเปิดตัวรถยนต์รุ่นนี้ กับโควต้าวางจำหน่ายในประเทศไทย 1 คันจาก 209 คันทั่วโลก ซึ่งคนที่ได้ครอบครองรถยนต์คันนี้แล้วนอกจากมีเงินอย่างเดียวไม่พอจริง ๆ เพราะต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่ Ferrari นั้นไว้วางใจด้วย จึงทำให้คำที่ว่ากันว่ารถเลือกคนนั้นใช้ได้จริงสำหรับรถยนต์รุ่นนี้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่โชคดีมาก ๆ สำหรับเจ้าของคนที่ได้รถคันนี้ไปครอบครอง เพราะนอกจากจะได้รถที่จะประเมินค่าไม่ได้แล้ว ยังเป็นการสร้าง Connection ที่ดีระหว่างคนไทยกับแบรนด์ Ferrari มากขึ้นด้วย ซึ่งรถยนต์สุดยอด Hyper Car หนึ่งเดียวในประเทศไทย จาก 209 คัน ในโลกคันนี้จะมีรายละเอียดและสิ่งที่น่าสนใจทั้งหมดอย่างไรบ้าง เราไปรับชมกันเลยครับ
ดีไซน์ภายนอกรถยนต์ : Ferrari LaFerrari Aperta
Exterior:ภายนอกของรถยนต์
- อย่างแรกเรามาดูกันในเรื่องดีไซน์ออกแบบกันก่อนซึ่งรถยนต์คันนี้ก็จะมีรูปร่างหน้าตาที่ดูเหมือนกับ Laferrari รุ่นคูเป้เกือบทุกอย่าง ทั้งในเรื่องตำแหน่งของช่องลม เส้นสายบนตัวรถ ที่เหมือนกัน แต่ส่วนประตูแบบปีกนกจะมีการปรับองศาในการเปิดประตูใหม่ เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบรถเปิดประทุนมากขึ้น รถคันนี้จึงได้การเข้าออกที่ง่ายมากกว่า อีกส่วนหนึ่งที่เปรียบแปลงและได้เพิ่มเข้ามาคือชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีมากขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่ ลิ้นใต้กันชนหน้า Winglet ด้านในของกันชนหน้า ตัวของ Skirt ด้านข้าง และ ที่สำคัญที่สุดคือกระจกข้างตัวใหม่ที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น ซึ่งนอกจากจะมีน้ำหนักที่เบาลงแล้ว ตัวรูปทรงใหม่ยังช่วยจัดการอากาศได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มให้ตัวรถมี Aerodynamic ที่ดีกว่าโฉมก่อน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาก็พอจะเรียกรถยนต์คันนี้ว่าเป็น LaFerrari รุ่น Lightweight ก็ได้
Dimension:มิติตัวถังรถ
- มีความยาว 4,702 มิลลิเมตร
- มีความกว้าง 1,992 มิลลิเมตร
- มีความสูง 1,116 มิลลิเมตร
- มีระยะฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร
- มีระยะห่างจากพื้น 100 มิลลิเมตร
- มีน้ำหนักตัวถัง 1,470 กิโลกรัม
- มีล้อแม็กซ์ Forged ดีไซน์ใหม่
- มียางหน้าขนาด 265/30 R19
- มียางหลังขนาด 345/30 R20
ดีไซน์ภายในรถยนต์ : Ferrari LaFerrari Aperta
Interior:ภายในรถยนต์
- สำหรับดีไซน์การออกแบบภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันนี้ ก็จะมาในสีทูโทนสไตล์รถแข่งโดยจะเปิดมากับสีดำแดง โดยส่วนที่เป็นสีดำจะใช้วัสดุ Alcantara ส่วนสีแดงจะใช้เป็นหนัง ซึ่งสามารถเลือกสีได้อย่างอิสระ ส่วนชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้านในจะใช้เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมดเพื่อลดน้ำหนักให้กับตัวรถ ส่วนชุดหน้าจอมาตรวัดกับแผงควบคุมก็เป็นแบบคาร์บอนไฟเบอร์ โดยจะเป็นหน้าจอมาตรวัดดีไซน์ใหม่ แต่ยังคงเป็นแบบ 3 ช่องเช่นเคย แต่จะเพิ่มขนาดของหน้าจอ Digital ทั้ง 2 ข้าง ให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น ส่วนตรงกึ่งกลางก็ยังคงเป็นเข็มวัด Analog พร้อมกับพื้นหลังสีหลังที่ตกแต่งสัญลักษณ์ ม้าลำพอง เอาไว้ ส่วนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันก็จะเป็นแบบ Full Carbon Fiber หุ้มด้วย Alcantara ใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift แบบหมุนตามพวงมาลัย ซึ่งตัวแป้นเปลี่ยนเกียร์เองก็ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ด้วยเช่นกัน ส่วนปุ่มควบคุมต่าง ๆ ก็ถูกออกแบบให้มีทิศทางหันเข้าหาคนขับมาที่สุด เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกโดยที่ไม่ต้องเอื้อมแต่อย่างใด และ ระบบความบันเทิงก็จะมากับชุดเครื่องเสียงรอบทิศทาง โดยจะมีลำโพงอยู่บริเวณหลังเบาะนั่ง 4 ตำแหน่ง พร้อมใช้หน้าจอ Display เป็นชุดเดียวกับหน้าจอมาตรวัด ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อสมัยใหม่แบบครบครัน
- สำหรับเบาะนั่งจะมาในแบบ Full Bucket Seat สไตล์รถแข่งแบบเดียวกับรุ่นก่อน แต่จะหุ้มด้วยหนังทั้งหมด สามารถเลือกวัสดุหุ้ม และ สีได้อย่างอิสระ
เครื่องยนต์รถยนต์ : Ferrari LaFerrari Aperta
Engine:เครื่องยนต์
- สำหรับรถยนต์คันนี้ เครื่องยนต์เบนซิน V12 N/A ขนาด 6.3 ลิตร ให้พละกำลัง 800 แรงม้า ที่ 9,000 รอบต่อนาที กับ แรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาทื ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Hybrid ที่ขนาด 12 กิโลวัตต์ ที่สามารถชาร์จไฟได้จากการเบรกแม้จะมีระบบ ABS อยู่ด้วยก็ตาม ซึ่งทาง Ferrari เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า HY-KERS System ช่วยให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 963 แรงม้า ใช้ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ Dual Clutch 7 สปีด พร้อมระบบ Quick Shifter ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลา 2.4 วินาที , 0-200 ในเวลา 7 วินาที , 0-300 ในเวลา 15 วินาที และ ความเร็วสูงสุดที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้ รองรับเฉพาะน้ำมันเบนซิน 95 เท่านั้น
ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ : Ferrari LaFerrari Aperta
Safety:ระบบความปลอดภัย
- ในเรื่องความปลอดภัยในอย่างแรกเราไปดูในเรื่องโครงสร้างตัวถังกันก่อน ซึ่งจะมาในโครงสร้างตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น โดยจะเป็นเทคโนโลยีจากทีมแข่ง F1 ของ Ferrari ที่ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว หรือที่เรียกกันว่าตัวถัง Monocoque แต่ในคันนี้จะไม่มีในส่วนของหลังคาเพราะเป็นรุ่นเปิดประทุน จะใช้เป็นหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์แบบพับได้แทน ส่วนระบบกันสะเทือนก็จะมากับโช๊คอัพสมรรถนะสูงแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น ที่สามารถปรับค่าการทำงานได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมกับเหล็กกันโครงขนาดใหญ่ช่วยเสริมความนิ่งทั้งหน้าและหลัง ส่วนเบรกนั้นก็จะมาจากแบรนด์ Brembo โดยจะใช้จานเบรกคาร์บอนเซรามิคขนาดใหญ่ กับคาลิปเปอร์เบรก 6 Pot ด้านหน้า และ 4 Pot ด้านหลัง พร้อมกับเทคโนโลยีสมรรถนะสูงจากแบรนด์ Ferrari เวอร์ชั่นใหม่ใส่เข้ามาให้แบบ จัดหนักจัดเต็มครบถ้วนสมราคาค่าตัว
สรุปรถยนต์ : Ferrari LaFerrari Aperta
สำหรับรถยนต์คันนี้ จะเป็นรุ่นที่ 2 ของ LaFerrari โดยจะมาในโฉมเปิดประทุน กับขุมพลังไฮบริด 936 แรงม้าเหมือนกัน แต่จะเป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาลง และ มีหลักอากาศกลศาสตร์ที่ดีมากกว่าจากรูปแบบเปิดประทุน ซึ่งใครที่คิดว่ารุ่น Coupe ที่ผลิตออกมา 500 คันนั้นเป็น Item Rare แล้ว รถยนต์คันนี้นั้น Rare ยิ่งกว่าเพราะถูกผลิตออกมาเพียง 209 คันเท่านั้น และเป็นรุ่นที่ราคาขึ้นทุกครั้งที่นำออกมาประมูลยิ่งกว่ารุ่น Coupe เสียอีก
รถยนต์ Ferrari LaFerrari Aperta สามารถเลือกสีตัวถังได้อย่างอิสระ
รถยนต์ Ferrari LaFerrari Aperta สามารถเลือกสีตัวถัง และ ตกแต่ Option ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ
ราคารถยนต์ : Ferrari LaFerrari Aperta
รถยนต์ Ferrari LaFerrari Aperta ราคา 69,000,000 บาท (โดยที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้า)
Link ซื้อรถยนต์ : Ferrari LaFerrari Aperta
https://www.ferrari.com/en-TH
สำหรับสุดยอดรถยนต์แบบนี้หลาย ๆ ท่านอาจจะคิดว่ายากกับการครอบครอง แต่ใครจะกันล่ะครับว่า Ferrari LaFerrari Aperta รถยนต์ Hyper Car พลังงานไฮบริด โฉม Minorchange เวอร์ชั่นเปิดประทุน ผลิตเพียง 209 คันทั่วโลก คันนี้ มีหนึ่งคันที่มีเจ้าของเป็นคนไทย และ ได้มาวิ่งอวดโฉมบนถนนประเทศไทย กับโชว์ตัวในงาน Super Car ต่าง ๆ มาบ้างแล้ว ซึ่งอย่างที่กล่าวไว้ในบทความครั้งก่อนเลยว่าคนไทยใน Generation ปัจจุบันนี้มีไม่น้อยเลยที่ไปถึงระดับโลกได้ ซึ่งก็อย่างที่ทราบว่ารถยนต์ 1 ใน 209 คันจาก Ferrari แบบนี้ไม่ใช่รุ่นที่รวยอย่างเดียวก็ซื้อได้ เรียกว่าเป็นการยกระดับให้กับวงการรถยนต์บ้านเราได้มากเลย กับการที่มีสุดยอดรถยนต์ Hyper Car คันนี้อยู่ในประเทศไทย และ สำหรับวันนี้ ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความครั้งหน้านะครับ สวัสดีครับ mywonderwheel
เครดิต : สล็อตเว็บตรง