ถ้าถามว่าหากอยากเลือกใช้ Ferari สักหนึ่งคันเป็นรุ่นเริ่มต้น ควรเริ่มจากรุ่นไหนก่อนดี คำตอบของผมในเวลานี้ก็คงจะเป็น รถยนต์ Ferrari 296 GTB รถยนต์สมรรถนะสูง Super Car ขุมพลังแบบ Plug-In Hybrid ครั้งแรกของแบรนด์ คันนี้เลย ที่มากับขุมพลังแบบ Plug-In Hybrid ที่ภาษีในบ้านเรากำลังรองรับปรับลดราคาให้กับเครื่องยนต์แบบนี้ จึงทำให้ รุ่น 296 GTB ที่มีราคาสูงกว่าในรุ่น 296 GTS ในเมืองนอก กลับ มีราคาถูกกว่าในบ้านเรา เพราะด้วยภาษีตัวนี้ ซึ่งถ้ารู้แบบนี้ก็อย่ารอช้ากันเลย อย่างแรกเราไปรับชมในรายละเอียดและสิ่งที่น่าสนใจทั้งหมดของรถยนต์คันนี้กันครับ
ดีไซน์ภายนอกรถยนต์ : Ferrari 296 GTB
Exterior:ภายนอกของรถยนต์
- มีกันชนหน้าดีไซน์ใหม่แบบเป็นชิ้นเดียวคุมด้านหน้ารถ
- มีช่องรับอากาศขนาดใหญ่ใต้กันชนหน้า ตกแต่งกรอบด้วยสีดำ
- มีลิ้นหน้า สไตล์ Super Car แบบคาร์บอนไฟเบอร์
- มีกระจังหน้าดีไซน์ใหม่อยู่ใต้ไฟหน้า โดยใช้เป็นตะแกรงเหล็กแบบ Diamond Cut สีดำ
- มีสัญลักษณ์ม้าพยศ Ferrari สีเงินโครเมี่ยม บนกึ่งกลางของกระจังหน้า
- มี Emblem แบรนด์ Ferrari แบบ Full Color บนกึ่งกลางของกันชนด้านหน้า อยู่ด้านบนของตราม้าพยศอีกที
- มีช่องรับอากาศบริเวณใต้ไฟหรี่ด้านหน้า
- มีโคลมไฟหน้าสีดำ
- มีไฟหน้าแบบ Adaptive LED ดีไซน์ใหม่
- มีไฟหรี่ Daytime Running Light แบบ LED
- มีไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED 3 มิติ
- มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
- มีระบบ ปรับไฟสูง-ไฟต่ำ ให้อัตโนมัติ
- มีกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
- กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวแบบ LED ในตัว
- กระจกมองข้า่งปรับตำแหน่งด้วยระบบไฟฟ้า
- เสาประตูตกแต่งด้วยสีดำ
- มี Skirt ด้านข้างแบบ คาร์บอนไฟเบอร์
- มีไฟท้าย LED แบบ 4 ดวง
- มีไฟหรี่ด้านท้ายแบบ LED Light Gilding
- มีไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- มีไฟเลี้ยวด้านท้ายแบบ LED 3 มิติ
- มีหลังคากระจกด้านหลังแบบฟิล์มใส เปิดโชว์เครื่องยนต์
- มีสปอยเลอร์ดีไซน์ใหม่ แบบ Adaptive สีเดียวกับตัวรถ
- มีกันชนท้ายสไตล์สปอร์ต สีทูโทน ใช้เป็นสีดำ ตัด กับสีตัวรถ
- มีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ บริเวณกันชนท้าย ปรับรูปทรงให้ช่วยเสริม Aero Dynamic ไปด้วยในตัว
- มีสัญลักษณ์ม้าพยศ Ferrari สีเงินโครเมี่ยม บนชุด Rear Bumper
- มีดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังสไตล์สปอร์ต ใช้วัสดุแบบคาร์บอนไฟเบอร์
- มีท่อไอเสียแบบ Titanium ออกกลางขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยสีเงิน Metallic
- มีล้อแม็กซ์ Forged ดีไซน์ใหม่ ลายดาว 5 แฉก ขนาด 20 นิ้ว
- มียางหน้าขนาด 245/35 ZR20 หน้ายางกว้าง 9 นิ้ว
- มียางหลังขนาด 305/30 ZR20 หน้ายางกว้าง 11 นิ้ว
- พร้อมจานเบรกแบบ Ceramic Carbon กับคาลิปเปอร์เบรกขนาดใหญ่
Dimension:มิติตัวถังรถ
- มีความยาวทั้งหมดขนาด 4,565 มิลลิเมตร
- มีความกว้างทังหมด 1,958 มิลลิเมตร
- มีความสูงทั้งหมด 1,187 มิลลิเมตร
- มีระยะฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร
- มีความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุด 100 มิลลิเมตร
- มีระยะห่างช่วงล้อคู่หน้า 1,665 มิลลิเมตร
- มีระยะห่างช่วงล้อคู่หลัง 1,632 มิลลิเมตร
- มีน้ำหนักตัวถังทั้งหมด 1,470 กิโลกรัม
- มีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักรถอยู่ที่ 40.5 : 59.5
- มีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด 65 ลิตร
ดีไซน์ภายในรถยนต์ : Ferrari 296 GTB
Interior:ภายในรถยนต์
- ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีทูโทน สามารถเลือกเฉดสีได้อย่างหลากหลาย และ Custom ได้อย่างอิสระ
- ใช้วัสดุตกแต่งภายในด้วยหนัง สลับ Alcantara
- ใช้วัสดุตกแต่งอุปกรณ์ด้านในด้วยสีดำเงา , สีเงินโครเมี่ยม และ ลายคาร์บอนไฟเบอร์
- มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบ Ambient Light
- บริเวณคอนโซลกลางตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์
- มีกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงได้อัตโนมัติ
- มีพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ และ หุ้มด้วย Alcantara
- มีชุดหน้าจอมาตรวัดแบบ Full LCD Digital ที่มีฟังก์ชันรูปแบบการแสดงผลหลายรูปแบบ
- มีแป้นเปลี่ยนเกียร์แบบ Paddle Shift
- มีเกียร์อัตโนมัติแบบ ปุ่มกดสไตล์ Super Car
- มีปุ่ม Push Start บนพวงมาลัยด้านซ้าย
- มีกุญแจแบบ Keyless Go Entry
- มีปุ่มปรับโหมดการทำงานของ Traction Control
- มีปุ่มปรับระดับความสูงของช่วงล่าง หรือ Lift Control
- มีปุ่ม Launch Control บนพวงมาลัยด้านขวา
- มีแป้นคันเร่ง และ เบรก แบบสปอร์ต พร้อมปุ่มยางกันลื่น
- มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระ ซ้าย , ขวา ระบบสัมผัส
- มีช่องเชื่อมต่อ USB
- มีเบาะนั่งทั้งหมดหุ้มด้วยหนังสลับ Alcantara สามารถเลือกสีได้อย่างอิสระ
- มีสัญลักษณ์ม้าพยศ Ferrari ปักอยู่บนพนักพิงศีรษะ
- มีเบาะนั่งคู่หน้าสไตล์สปอร์ตแบบ Bucket Seat
- เบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยระบบไฟฟ้า
- เบาะนั่งคู่หน้า มีระบบบันทึกตำแหน่ง Memory Seat
- เบาะนั่งคู่หน้า มีระบบดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support
- เบาะนั่งคู่หน้า มีระบบ Heater มาให้
Entertainment:ระบบความบันเทิง
- มีชุดหน้าจอเครื่องเล่นแสดงผล บนหน้าจอมาตรวัด แยก ออกจาก ตัวบอกความเร็ว และ ตัวบอกการทำงานของระบบต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน
- สามารถรองรับระบบ Apple Car Play และ Android Auto
- รองรับระบบเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth
- มีระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition
- มีระบบเสียงรอบทิศทางพร้อมลำโพง 12 ตัว
- มีช่องเชื่อมต่อ AUX
- มีช่องเชื่อมต่อ USB
- มีช่องเชื่อมต่อ HDMI
- มีช่องเชื่อมต่อ SD Card
- มีระบบเชื่อมต่อ Smart Phone เข้ากับตัวรถที่รองรับระบบต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ดังนี้
- มีระบบ Emergency Call System เป็นระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง
- มีระบบ Telediagnostics ช่วยวิเคราะห์สภาพของรถยนต์
- มีระบบ Remote Engine Start ช่วยสตาร์ทเครื่องยนต์ได้จากกุญแจรีโมท พร้อมสั่งงานให้เปิดระบบปรับอากาศได้ด้วย Smartphone
- มีระบบ Live Traffic Information ช่วยรายงานสภาพการจราจร
- มีระบบ ขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
เครื่องยนต์รถยนต์ : Ferrari 296 GTB
Engine:เครื่องยนต์
- สำหรับในรุ่นนี้จะมากับเครื่องยนต์ V6 เบนซิน Twin Turbocharged ขนาด 3.0 ลิตร 3,000 ซีซี 24 วาล์ว รหัส F163 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบายความร้อนด้วยน้ำและอากาศ ใช้ลูกสูบขนาด 88 มิลลิเมตร กับ ระยะช่วงชัก 82 มิลลิเมตร ในอัตราส่วนกำลังอัด 9.4 : 1 สามารถเรียกพละกำลังสูงสุดได้ 663 แรงม้า แต่เมื่อทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Plug-in Hybrid จะได้พละกำลังเพิ่มมากขึ้นเป็น 830 แรงม้า ที่ 6,250 รอบต่อนาที กับ แรงบิดสูงสุด 740 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ Dual Clutch รุ่น F1 DCT ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง พร้อมกับเฟืองท้ายแบบพิเศษ ส่วนตัวเลขสมรรถนะที่รถยนต์คันนี้ทำได้ มีดังนี้
- สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 2.9 วินาที
- สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.3 วินาที
- มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- สามารถทำความเร็วสูงสุดในโหมด EV ได้ 134 กิโลเมตร
- เมื่อใช้โหมดไฟฟ้าล้วน สามารถวิ่งได้ระยะทางมากที่สุด 25 กิโลเมตร
มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 6 รูปแบบ
- โหมด Comfrot
- โหมด EV
- โหมด Rain
- โหมด Sport
- โหมด Track
- โหมด Race
ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ : Ferrari 296 GTB
Frame & Suspension : โครงสร้างตัวถัง และ ช่วงล่าง
- ใช้โครงสร้างตัวถังแบบ คาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อให้ตัวรถมีความแข็งแรงทนทาน รองรับแรงบิดตัวได้มาก และ มีน้ำหนักเบา เพื่อให้สมดุลกับพละกำลังเครื่องยนต์มากที่สุด
- มีระบบกันสะเทือนด้านหน้า และ ด้านหลัง แบบอิสระปีกนกคู่แบบ 2 ชั้น พร้อม คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง และ โช๊คอัพเต็มรูปแบบ สามารถปรับรูปแบบการทำงาน และ ระดับความสูง ได้ด้วยระบบไฟฟ้า
- มีระบบห้ามล้อด้านหน้าเป็นดิสก์เบรก ใช้จากเบรกแบบ Carbon Ceramic ขนาด 398 มิลลิเมตร หนา 38 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 6 Pots
- มีระบบห้ามล้อด้านหลังเป็นดิสก์เบรก ใช้จากเบรกแบบ Carbon Ceramic ขนาด 360 มิลลิเมตร หนา 32 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 4 Pots
Safety:ระบบความปลอดภัย
- มีระบบ EPS ช่วยปรับน้ำหนักของพวงมาลัยตามความเร็วรถ
- มีระบบ ABS ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อคเมื่อเบรกกะทันหัน
- มีระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรกให้สม่ำเสมอกัน
- มีระบบ BA ช่วยเสริมแรงเบรกให้กับล้อทั้ง 4
- มีระบบ ESC ช่วยควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว
- มีระบบ TRC ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการลื่นไถล และ ช่วยไม่ให้ล้อหลังหมุนฟรีโดยไม่จำเป็น
- มีระบบ ESS ช่วยเปิดไฟกระพริบฉุกเฉินให้ทันทีเมื่อเบรกกะทันหัน
- มีระบบ HSA ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- มีระบบ HDC ช่วยชะลอความเร็วรถยนต์ในเวลาลงทางลาดชัน
- มีระบบ TPLW ช่วยแจ้งเตือนเมื่อลมยางมีแรงดันที่ผิดปกติ
- มีระบบ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- มีระบบ เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
- มีระบบ แจ้งเตือนการชนด้านหน้า พร้อมช่วยชะลอความเร็วให้อัตโนมัติ
- มีระบบ รายงานสภาพจราจร
- มีกล้องมองภาพจากมุมสูง
- มีกุญแจรีโมทแบบ Smart Keyless
- มีเซนเซอร์ช่วยวัดระยะในการจอบรอบคัน
- มีเซนเซอร์แจ้งเตือกวัตถุ หรือ รถ ในมุมอับสายตารอบคัน
- มีกล้องมองภาพรอบคันรถแบบ 360 องศา
- มีถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
- มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- มีม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง
- มีถุงลมหัวเข่า 2 ตำแหน่ง
จุดเด่นของรถยนต์ : Ferrari 296 GTB
สำหรับจุดเด่นของรถยนต์คันนี้ในส่วนแรกที่ต้องว้าวเลยก็คือเรื่องของราคาอย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น ส่วนต่อมาจะเป็นในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่มากับ DNA ของรหัส GT ในแบรนด์ Ferrari แบบเต็มขั้น มากับรูปทรงที่กดหน้าลง ให้ดูเตี้ยกว่าบั้นท้าย บวกกับชุด Body ดีไซน์ใหม่ ที่ออกแบบมาได้เข้ากันอย่างลงตัว หล่อเท่ห์โดยที่ไม่ต้องเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังได้เรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้นในความเร็วสูงด้วย ส่วนขุมพลังเครื่องยนต์ในรุ่นนี้ก็จะเป็นรุ่นล่าสุดที่มากับเทคโนโลยีแบบ Plug-In Hybrid 830 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังชนกับเกียร์ DCT รุ่น F1 แถมยังวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้สูงสุด 25 กิโลเมตร บนความเร็ว 134 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ก็มากับเทคโนโลยีขั้นสูงด้วยกันทั้งสิ้น ตั้งโครงสร้างตัวถัง , ช่วงล่าง และ เบรก รวมไปถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือตั้งแต่เรื่องของความปลอดภัย และ Support การขับขี่
สรุปรถยนต์ : Ferrari 296 GTB
สำหรับรถยนต์รุ่นนี้ หากคุณมีเงินสัก 20 ล้านต้น และ กำลังคิดมองหารถยนต์ที่จะสานฝันในวัยเด็กได้ อย่างแบรนด์ Ferrari สักหนึ่งคัน ก็ไม่ควรที่จะมองข้ามรถยนต์คันนี้เลย ถึงแม้จะไม่ใช่เครื่องยนต์สันดาบเพียวเหมือนครั้งก่อน แต่ด้วยเทคโนโลยีตัวนี้ทำให้รถคันนี้แรงและประหยัดมากกว่าเครื่องยนต์สันดาบเพียว ๆ และ ด้วยราคาในปัจจุบันวันนี้ที่รถยนต์แบบ PHEV จะมีราคาถูกกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันล้วน จึงทำให้ในรุ่นนี้มีราคาถูกกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาบ ทั้ง ๆ ที่ควรจะแพงกว่าด้วยซ้ำไป
รถยนต์ Ferrari 296 GTB มีทั้งหมด 28 สี
ประเภทสีแบบ Special
ประเภทสีแบบ Solid
ประเภทสีแบบ Metallic
ประเภทสีแบบ Historical
ราคารถยนต์ : Ferrari 296 GTB
รถยนต์ Ferrari 296 GTB ราคา 21,900,000 บาท
Link ซื้อรถยนต์ : Ferrari 296 GTB
https://www.ferrari.com/en-TH
หากพูดถึงแบรนด์รถยนต์ Super Car สัญชาติอิตาลี่ หลาย ๆ คนต้องมีภาพของ Ferrari ขึ้นมาในหัวเป็นอันดับแรก ๆ อย่างแน่นอน จนมาในวันนี้แบรนด์รถยนต์ระดับตำนาน ก็ได้เปิดตัว รถยนต์ Ferrari 296 GTB รถยนต์สมรรถนะสูง Super Car ขุมพลังแบบ Plug-In Hybrid รุ่นล่าสุดของแบรนด์ คันนี้ ที่เป็นรุ่นที่ 3 ของแบรนด์แล้วที่มากับขุมพลังแบบ PHEV เป็นครั้งแรกที่ Ferrari ได้นำมาวางในเครื่องยนต์แบบ V6 และ ได้ผลลัพท์เทียบเท่ากับเครื่องยนต์ V8 เลย จึงเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่คุ้มค่ากับการเริ่มต้นมาก ๆ สำหรับวันนี้ทาง mywonderwheel ้ต้องขอตัวลาไปก่อน ส่วนครั้งหน้าจะเป็นบทความเรื่องอะไร โปรดติดตามกันด้วยนะครับ
เครดิต : เว็บสล็อต