หากรถจักรยานยนต์ขับแล้วมีอาการกระตุกหรือวูบดับ มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง

หากรถจักรยานยนต์ขับแล้วมีอาการกระตุกหรือวูบดับ มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง

สำหรับผู้ใช้งานรถจักรยานยนต์ อาจจะพบเจอปัญหาในระหว่างการใช้งานได้เหมือนกับในรถยนต์เข่นกัน ส่วนมากอาการที่จะพบบ่อยในรถจักรยานยนต์คืออาการวูบดับหรือขับกระตุกที่อาจเป็นปัญหาจุกจิกกวนใจของใครหลายคนที่แก้เท่าไรอาการก็ยังกลับมาอยู่ โดยในวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปดูกันว่า หากรถจักรยานยนต์ขับแล้วมีอาการกระตุกหรือวูบดับ มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง หากไม่อยากให้เกิดขึ้นกับรถจักรยานยนต์ของเราควรทำอย่างไร ในสำหรับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปหาคำตอบกับเรื่องนี้กันครับ อาการเครื่องยนต์กระตุกหรือวูบดับ เกิดจากอะไร หัวเทียน หัวเทียนอาจหลวม หรือเสื่อมสภาพ และร้ายที่สุดคือหัวเทียนบอด เป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่หากเสียไปจะทำให้รถเกิดอาการดังกล่าวได้ตั้งแต่น้อยไปจนถึงสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติดได้เลย เพราะหัวเทียนเป็นชิ้นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในระบบการทำงานของเครื่องยนต์ เพราะจะทำหน้าที่สร้างประจุไฟฟ้าแรงสูงเพื่อไปเป็นแรงในการจุดระเบิด เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานและเคลื่อนตัวออกไปได้ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ห้ามเสียหายเด็ดขาด และต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งานที่ของหัวเทียนรุ่นนั้น  หัวฉีด ในปัจจุบันรถจักรยานยนต์ใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแบบหัวฉีดทั้งหมดแล้วที่ประหยัดน้ำมันและจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างแม่นยำ แต่ถ้าหากหัวฉีดที่ไม่ได้รับการดูแลให้ดีเท่าทีควรหรือการที่ใช้น้ำมันที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็สามารถเสื่อมสภาพและอุดตันได้เช่นกัน และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถจักรยานยนต์ กระตุกหรือวูบดับได้  ปั้มติ๊ก หรือตัวปั้มน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในถังน้ำมันคอยควบคุมแรงดันของน้ำมันเชื้อเพลงที่จะส่งไปให้กับเครื่องยนต์ หากปั้มติ๊กเสื่อมสภาพไปก็จะไม่สามารถจ่ายน้ำมันได้เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เครื่องยนต์สะดุดหรืออาจวูบดับในบางจังหวะได้ การดูแลรักษาปั๊มติ๊กในเบิ้องต้นเพียงแค่เราไม่ปล่อยให้น้ำมันเตือนหรือใช้งานตอนน้ำมันเหลือก้นถัง จะเป็นการทำให้ปั้มติ๊กดูดน้ำมันได้ไม่เต็มที่ หมั่นเติมน้ำมันให้เต็มถังตลอดก็จะเป็นการถนอมปั๊มติ๊กไปในตัว ไส้กรองอากาศ หากปล่อยให้อุดตันโดยไม่ดูแลรักษาหรือเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด ก็จะทำให้เกิดปัญหานี้ได้ง่ายมากขึ้น โดยไส้กรองอากาศในรถจักรยานยนต์หลักในบ้านเราก็จะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ แบบเปียก กับ แบบแห้ง ซึ่งมีระยะการใช้งานอยู่ที่ 10,000 กิโลเมตร เมื่อใช้งานครบระยะที่กำหนดให้เปลี่ยนทันทีทั้งใน 2 ใบ ถึงแม้จะเป็นรุ่นที่มีสมรรถนะสูงแค่ไหนก็ตาม เพราะอากาศในประเทศไทยมักจะเต็มไปด้วยฝุ่นละอองในอากาศมาก หรือ PM 2.5 […]