ในเมื่อพูดถึงในรุ่น Naked Supercharger ไปแล้ว หากไม่พูดถึงในรุ่นสปอร์ตก็คงไม่ได้ สำหรับวันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักรถจักรยานยนต์ Kawasaki Ninja H2 SX SE+ รถจักรยานยนต์ซุปเปอร์สปอร์ต-ทัวร์ลิ่ง พี่ใหญ่สุดของตระกูล คันนี้กันบ้าง โดยในรุ่นนี้เป็นรุ่นสูงสุดที่ได้วางจำหน่ายในประเทศไทย ภายใต้โฉม Ninja Series และเป็นรุ่นสูงสุดที่ได้ใช้ชื่อ H2 ที่มีการวางจำหน่ายเช่นกัน แน่นอนว่าถ้าได้ใช้ชื่อนี้ต้องมากับเครื่องยนต์ 4 สูบ Supercharger ที่เป็น Signature ของรุ่น เป็นยักษ์เขียวที่น่าเกรงขามจากญี่ปุ่น มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำมากมาย ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จำเป็นในชีวิตประจำวันใส่เข้ามาให้อีกด้วย เป็นรถจักรยานยนต์ที่ทำออกมาให้ใช้งานบนถนนดำได้ทุกรูปแบบ สำหรับในรุ่นนี้จะมีรายละเอียดและสิ่งสำคัญอย่างไรบ้าง เราไปรับชมพร้อมกันเลยครับดีไซน์การออกแบบของรถจักรยานยนต์ : Kawasaki Ninja H2 SX SE+
รายละเอียดดีไซน์การออกแบบของรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ มาในสไตล์สปอร์ต 2 ที่นั่ง มากับหน้าตาที่ดุดัน กับรูปร่างที่สูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม ได้ออกแบบให้มีช่องลมรับอากาศเพิ่มมากขึ้นจากรุ่นเดิม นอกจากจะเพิ่มความสวยและดุดันแล้ว ยังเป็นส่วนที่ช่วยให้รถคันนี้มี Aero Dynamic ที่ดีขึ้น และชิ้นส่วนต่างๆที่ได้เพิ่มเข้ามาอีกมากดังนี้
Exterior:ภายนอกของรถจักรยานยนต์
- มีไฟหน้าแบบ Full LED
- มีไฟ Daytime Running Light แบบ LED
- มีกระจกมองข้างสีดำแบบพับเก็บได้ มาพร้อมไฟเลี้ยวในตัวแบบ LED
- มีช่องอากาศขนาดใหญ่ด้านหน้าเพื่อส่งตรงไปให้ระบบ Supercharger
- มีไฟท้ายแบบ LED
- มีช่องอากาศด้านท้าย พร้อมที่จับแบบ Built In ในตัว
- มีบังโคลนด้านท้ายสีดำพร้อมตัวล็อคป้ายทะเบียน และมีไฟเลี้ยวในตัวแบบ LED
- มีที่ล็อคกระเป๋าหลังมาให้ในตัว หากต้องการติดกระเป๋าเก็บของด้านหลัง
- มีล้อแม็กซ์ Forged ดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว
- มียางหน้าขนาด 120/70 ZR17
- มียางหลังขนาด 190/55 ZR17
- มีชุดหน้าจอมาตรวัดแบบจอสี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว โดนสามารถเลือกเปลี่ยนสีพื้นได้ตามชอบ พร้อมบอกรายละเอียดอย่างครบถ้วน ตั้งแต่
- บอกปริมาณน้ำมัน และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน
- บอกระยะทางรวม พร้อมตั้งค่า Trip Meter และ Time Laps ได้
- บอกเวลาแบบ Digital
- บอกอุณหภูมิภายนอก
- บอกอุณหภูมิเครื่องยนต์
- บอกอุณหภูมิของน้ำมันเครื่อง
- บอกตำแหน่งเกียร์ พร้อมไฟ Shift Light
- บอกการทำงานของรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 0-16,000 RPMบ
- บอกความเร็วเครื่องยนต์แบบ Digital
- มีระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้โดยผ่าน Bluetooth เพื่อใช้งานแอปพลิเคชัน RIDEOLOGY THE APP ได้ ที่จะช่วยบอกข้อมูลการทำงานต่างๆของรถและเก็บบันทึกไว้เปรียบเทียบคำนวณได้
- เลือกโหมดการขับขี่ ได้ 4 แบบ
- Sport โหมดสปอร์ตรอบจะมาไวกว่าในโหมดปกติ เหมาะกับการทำเวลา และให้ฟิลลิ่งการขับขี่ที่สนุกมากขึ้น
- Road จะเป็นโหมดปกติและเป็นโหมดที่ประหยัดน้ำมันที่สุด เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
- Rain เป็นโหมดที่ใช้ในเวลาฝนตก จะคอยล็อกรอบเครื่องยนต์ให้เครื่องยนต์ทำงานต่ำและปรับให้ล้อหน้าล้อหลังทำงานให้สมดุลกันตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เกิดการลื่นไถลได้
- Rider โหมดที่ใช้สำหรับลงสนาม จะเป็นโหมดที่เปิดระบบทุกอย่างเรียกประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ออกมาได้สูงสุด
- พอเข้าสู่โหมด Rider สามารถเลือกตั้งค่าระบบได้ต่างๆได้ตามใจชอบตั้งแต่
- การตั้งค่าระบบ Power Mode selection
- การตั้งค่าระบบ Kawasaki Engine Brake Control
- การตั้งค่าระบบ Economical Riding Indicator
Dimension:มิติตัวถัง
- มีความยาวทั้งหมด 2,135 มิลลิเมตร
- มีความกว้างทั้งหมด 775 มิลลิเมตร
- มีความสูงทั้งหมด 1,260 มิลลิเมตร
- มีความสูงของเบาะ 835 มิลลิเมตร
- มีระยะฐานล้อ 1,480 มิลลิเมตร
- มีความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุด 130 มิลลิเมตร
- มีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 19 ลิตร
- น้ำหนักรถ 262 กิโลกรัม
เครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ : Kawasaki Ninja H2 SX SE+
Engine:เครื่องยนต์
- ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 จังหวะ 1,000 ซีซี 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ทำงานร่วมกับระบบอัดอาการ Supercharger จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดขนาดใหญ่ 4 ตัว พร้อมระบายความร้อนด้วยระบบน้ำ และ Cooling สามารถเรียกพละกำลังสูงสุดได้ 200 แรงม้าที่ 11,000 รอบต่อนาที มาพร้อมกับแรงบิด 137 นิวตันเมตรที่ 9,500 รอบต่อนาที ใช้ระบบจุดระเบิดแบบดิจิตอลสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว มีระบบส่งกำลังเกียร์แบบสปอร์ต 6 สปีด มาพร้อมกับระบบ KQS และ Slipper Clutch มาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการใช้งาน รองรับน้ำมันเบนซิน 95
ระบบความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ : Kawasaki Ninja H2 SX SE+
Frame & Suspension : โครงสร้างตัวถังและช่วงล่าง
- โครงสร้างตัวถังจะใช้เป็นเฟรมแบบโครงถักตกแต่งด้วยสีดำ ใช้วัสดุที่แข็งแรงโดยสามารถรองรับพละกำลังของเครื่องยนต์ Supercharger ได้เป็นอย่างดี และให้สมดุลที่ดีเยี่ยมกับผู้ขับขี่
- มีช่วงล่างด้านหน้าใช้เป็นโช๊คอัพคู่แบบหัวกลับ เทเลสโคปิค โดยมีแกนกลางขนาด 43 มิลลิเมตร ปรับระดับอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า หรือ สามารถตั้งค่าได้ตามความต้องการ
- มีช่วงล่างด้านหลังเป็นโช๊คอัพเดี่ยวแบบมีซัพแทงค์ปรับระดับอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า หรือ สามารถตั้งค่าได้ด้วยตนเอง พร้อมสวิงอาร์ม
Safety:ระบบความปลอดภัย
- มีระบบ KIBS เป็นระบบเบรกที่คอยประมวลผลตามสถานภาพของรถ ช่วยป้องกันล้อล็อคเมื่อเบรกกะทันหัน ช่วยควบคุมน้ำหนักเบรกเมื่อเวลาเบรกในโค้งไม่ให้รถเสียการควบคุมได้
- มีระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรก
- มีระบบ KTRC ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อหมุนฟรี สามารถปรับได้หลายระดับ
- มีระบบ KCMF ช่วยควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้งไม่ให้รถเกิดอาการลื่นไถล
- มีระบบ KLCM ช่วยในการออกตัวให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในทุกครั้ง และล็อครอบไม่ให้สูงเกินไปจนล้อหน้ายกตัวขึ้น
- มีระบบ Cruise Control ช่วยล็อคความเร็วให้แบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องใช้คันเร่ง ช่วยได้มากในการเดินทางไกล
- มีแกน IMU 6 แกน เป็นเหมือนแกนจับองศาของตัวรถที่ประมวลผลและส่งตรงไปให้ กล่อง ECU ตลอดเวลา หากเกิดการทำงานที่ผิดปกติ ECU จะสั่งการไปยังระบบต่าง ๆ ที่มี
- มีระบบ KQS เป็นระบบ Quick Shifter โดยในเวลาที่เราต้องการทำท็อปสปีดสามารถเปลี่ยนเกียร์แบบรวดเร็วได้โดยที่ไม่ต้องใช้คลัทช์ ระบบนี้จะช่วยตัดแรงกระชากออกไปให้แบบอัตโนมัติ
จุดเด่นของรถจักรยานยนต์ : Kawasaki Ninja H2 SX SE+
จุดเด่นของรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ สิ่งแรกคือเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ทำออกไม่ให้รถดูสปอร์ตดุดันเหมือนดั่งปีศาจ หากได้มองจากมุมหน้ารถ มาพร้อมกับรูปร่างที่สูงใหญ่แต่กับมีสมดุลที่ดีเยี่ยม อาจเป็นเพราะระบบที่มีรวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ได้ใส่เข้ามาให้ ถึงแม้ว่ารายละเอียดภาพรวมของเครื่องยนต์ และ ระบบต่างจะเหมือนกับในรุ่น Naked อย่างในตัว Z H2 แต่ด้วยรูปทรงที่เป็นทรงสปอร์ตและแฟริ่งรอบคันของรถที่มีเยอะกว่า ทำให้มีเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่าในรุ่น Naked โดยเฉพาะในเวลาที่ใช้ความเร็วสูง หรือ การเข้าโค้งออกโค้งอย่างรวดเร็ว รถคันนี้สามารถทำได้ดีกว่าอย่างแน่นอน
สรุปรถจักรยานยนต์ : Kawasaki Ninja H2 SX SE+
สำหรับรถจักรยานยนต์พี่ใหญ่ของค่ายคันนี้ จัดได้ว่าเป็นรุ่นที่มีออฟชั่นมากที่สุดและมีราคาแพงที่สุดในค่ายด้วยเช่นกัน แต่ด้วยความสามารถของมันที่ได้ทราบกันไปแล้วก็ไม่แปลกเลยที่จะมีราคามากขนาดนี้เพราะเป็นรถจักรยานยนต์ที่ทำออกมาให้ใช้งานได้อย่างดีในทุกด้าน ยกเว้นบนทางดินนะครับ สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะมีโหมดการขับขี่ให้เลือกหลากหลาย หรือจะใช้ในการเดินทางไกลก็ถือว่าเหมาะเช่นกัน เพราะมีระบบอำนวยความสะดวกมาให้ครบครันพร้อมมีที่ล็อคกระเป๋าสัมภาระมาให้ในตัวด้วยเลย และหากอยากสัมผัสฟิลลิ่งในสนามแข่ง เพียงแค่พับกระจกกับถอดบางโคลนหลังออกก็สามารถนำไปลง Track ได้อย่างไรปัญหา พร้อมมีโหมดการขับขี่ในสนามมาให้อีกด้วย
รถจักรยานยนต์ Kawasaki Ninja H2 SX SE+ มีทั้งหมด สี
รถจักรยานยนต์ Kawasaki Ninja H2 SX SE+ สีเขียว Emerald Blazed Green
รถจักรยานยนต์ Kawasaki Ninja H2 SX SE+ สีเทา Graphite Gray
ราคารถจักรยานยนต์ : Kawasaki Ninja H2
รถจักรยานยนต์ Kawasaki Ninja H2 SX SE ราคา 1.090,000 บาท
รถจักรยานยนต์ Kawasaki Ninja H2 SX SE+ ราคา 1,299,000 บาท
Link ซื้อรถจักรยานยนต์ : Kawasaki Ninja H2 SX SE+
Youtube Review รถจักรยานยนต์ : Kawasaki Ninja H2 SX SE+
หากใครที่ติดตามข่าวสารเรื่องรถจักรยานยนต์ก็น่าจะต้องทราบดีว่า Kawasaki ได้สร้างชื่อให้กับคำว่า H2 ด้วยการเป็นเจ้าของสถิติรถจักรยานยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รถจักรยานยนต์ทำความเร็วได้ถึง 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในเวลาต่อมาก็ได้ผลิตออกมาวางจำหน่ายให้ผู้คนได้ลองสัมผัสกันมากขึ้น โดยใน รถจักรยานยนต์ Kawasaki Ninja H2 SX SE+ รถจักรยานยนต์ซุปเปอร์สปอร์ต-ทัวร์ลิ่ง พี่ใหญ่สุดของตระกูล คันนี้ เป็นรุ่นสูงสุดของตระกูลที่ได้มีการวางจำหน่ายในประเทศไทย หากผู้ได้ที่ชื่นชอบและสนใจ คลิกที่ลิงค์ด้านบนได้เลยครับ สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่นะครับ สวัสดีครับ mywonderwheel
Credit ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ
Credit สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ