สิ่งที่ควรต้องรู้เกี่ยวกับ แอร์รถยนต์ ทำงานอย่างไร ทำไมแอร์ถึงไม่เย็นบ่อย มีวิธีป้องกันยังไงแอร์ถึงจะไม่พังเร็ว

เกร็ดความรู้เรื่องรถ

บทความ สิ่งที่ควรต้องรู้เกี่ยวกับ แอร์รถยนต์ ทำงานอย่างไร ทำไมแอร์ถึงไม่เย็นบ่อย มีวิธีป้องกันยังไงแอร์ถึงจะไม่พังเร็ว เรื่องนี้ เพราะว่าถ้าไม่มีแอร์ คุณต้องเปิดหน้าต่างรถเพื่อเอาออกซิเจนเข้ารถท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวของเมืองไทย แค่คิดภาพก็รู้สึกทรมานร่างกายเหลือเกิน นั่นคือสาเหตุที่คุณควรรู้ระบบแอร์ เพื่อรู้ถึงสาเหตุของแอร์รถยนต์ไม่เย็นและวิธีป้องกันไม่ให้แอร์รถยนต์ของคุณเสื่อมเร็วกว่าปกติ 

แอร์รถยนต์ คืออะไร

แอร์รถยนต์ คืออะไร
  • หลังจากการกำเนิดเครื่องปรับอากาศแล้ว ก็เริ่มมีการกระจายระบบดังกล่าวไปอย่างรวดเร็ว และเกิดเป็นการพัฒนานำไปใช้งานด้านต่าง ๆ ในเวลาต่อมา จนกระทั่งเมื่อปีค.ศ. 1933 ระบบปรับอากาศได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ภายในรถยนต์ โดยฝีมือของกลุ่มนักพัฒนาจากบริษัท Packard โดยเป็นการเสนอให้มีการติดตั้งแอร์รถยนต์ในโรงงานผลิตรถยนต์ของตนเป็นเครื่องแรก โดยเป็นรูปแบบของการติดตั้งเพิ่มเข้าไปในภายหลัง หลังจากรถยนต์ถูกผลิตออกมาแล้ว ต่อมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางบริษัท Imperial ได้เป็นบริษัทแรกที่มีการผลิตรถยนต์พร้อมกับแอร์ที่ติดตั้งประกอบมาจากโรงงานเลย จนต่อมา ระบบแอร์รถยนต์ก็ถูกพัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นส่วนสำคัญของอุปกรณ์ประจำรถที่รถทุกคันต้องมีอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

แอร์รถยนต์ทำงานอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง

แอร์รถยนต์ทำงานอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง
  1. คอมเพรสเซอร์

ในส่วนแรกของระบบการทำแอร์รถยนต์ต้องเริ่มจากเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้เลย เมื่อคุณสตาร์ทรถและกดปุ่มเปิดแอร์ คอมเพรสเซอร์จะทำงานเป็นอย่างแรก เพื่อดูดสารทำความเย็นหรือน้ำยาแอร์ ที่มีสถานะเป็นก๊าซมาจากคอยล์เย็น และนำมาปั่นด้วยความดันสูง หรือความร้อนเพื่อให้เกิดการควบแน่น และส่งต่อไปยังคอยล์ร้อน

  1. คอนเดนเซอร์ (คอยล์ร้อน)

เมื่อนำก๊าซที่มีการควบแน่นมาแล้ว ตัวคอนเดนเซอร์ก็จะนำก๊าซเหล่านี้ระบายความร้อน ส่งผ่านท่อระบายออกไปทางรังผึ้งที่อยู่บริเวณที่ปัดน้ำฝนหน้ารถ เมื่อความร้อนหายไป จากก๊าซก็จะแปรสภาพเป็นของเหลวที่ยังคงมีความดันสูงอยู่

  1. ถังพักน้ำยาแอร์ หรือ รีซีฟเวอร์

ที่ถังนี้ จะเป็นจุดรับของเหลวที่ถูกส่งต่อมาจากคอนเดนเซอร์หรือคอยล์ร้อน เพื่อนำมาพักไว้และกรองให้สารทำความเย็นที่มีสถานะเป็นของเหลว กลายเป็นน้ำยาแอร์ที่บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งปนเปื้อน ก่อนจะส่งสารทำความเย็นนี้ต่อไปตามท่อจนไปถึงส่วนของวาล์วความดัน

  1. วาลว์ปรับความดัน หรือ เอ็กซ์แปนเดชัน วาล์ว

ความสำคัญของวาล์วตัวนี้มีอยู่มาก เพราะเป็นส่วนที่จะทำให้น้ำยาแอร์ของเราที่ยังคงมีความดันสูงอยู่ กลับมามีความดันต่ำอีกครั้ง เมื่อน้ำยาแอร์มีความดันต่ำ อุณหภูมิของน้ำยาแอร์ก็จะลดลงและถูกส่งต่อไปหาคอยล์เย็น

  1. อีวาโปเรเตอร์ (คอยล์เย็น)

มาถึงส่วนสุดท้ายของระบบการทำงานของแอร์รถยนต์ ก็คือคอยล์เย็น เป็นชิ้นส่วนที่จะส่งต่อความเย็นไปยังห้องโดยสารของเรา โดยนำน้ำยาแอร์ที่มีอุณหภูมิต่ำส่งผ่านไปยังพัดลมแอร์วิ่งตรงสู่ห้องโดยสาร ขณะเดียวกันพัดลมแอร์ที่อยู่ติดกับคอยล์เย็นจะดูดความร้อนภายในห้องโดยสารกลับมาผสมกับของเหลวอุณหภูมิต่ำ เมื่อของเหลวผสมกับความร้อนจะกลายเป็นสารทำความเย็นที่แปรสภาพเป็นก๊าซอุณหภูมิต่ำอีกครั้ง และวนกลับไปที่คอมเพรสเซอร์เพื่อผลิตน้ำยาแอร์ใหม่อีกครั้ง โดยในการทำอุณหภูมิต่าง ๆ นี้จะมีเทอโมมิเตอร์คอยวัดอยู่เพื่อป้องกันความผิดพลาดของอุณหภูมิภายในระบบการทำงานของแอร์รถยนต์นั่นเอง

สาเหตุของแอร์ไม่เย็น

สาเหตุของแอร์ไม่เย็น

หลายคนคงสงสัยว่าเหตุใด ทำไมจู่ๆ แอร์ในรถยนต์ของคุณก็ไม่เย็นเสียอย่างนั้น ไม่ต้องตกใจไปค่ะ ทุกอย่างย่อมมีทางแก้ แต่สาเหตุของเจ้าปัญหาเกิดจากอะไรนั้น มีได้ตามข้างล่างนี้เลย

  1. สังเกตปุ่ม A/C (Air Conditioning) และ ปุ่มเปิดช่องอากาศว่าเปิดอยู่ไหม

สิ่งที่ต้องเช็คอย่างแรกบางทีคุณสตาร์ทรถแล้ว แต่อาจจะลืมกดปุ่มเปิด A/C ก็เป็นได้ จึงปิดการทำงานไว้อยู่ และอีกปุ่มที่สำคัญก็คือปุ่มเปิดช่องอากาศ ที่จะทำให้อากาศภายนอกเข้ามาในรถเพื่อเพิ่มออกซิเจน ซึ่งอาจทำให้อากาศภายในรถร้อนแทนที่จะเย็นก็ได้

  1. แอร์ตัน

แอร์รถยนต์ตันก็เหมือนแอร์บ้านที่มีฝุ่นเข้าไปจับเป็นก้อนหนาทำให้ไม่สามารถเป่าลมแอร์ออกมาได้ จึงทำให้อากาศที่ควรจะเย็นกลายเป็นร้อนแทน ปัญหานี้เกิดจากการที่พัดลมจะเป่าลมผ่านแผงคอยล์เย็นเพื่อให้ลมเย็นออก ทว่าตัวพัดลมก็เป็นตัวดูดอากาศภายในห้องโดยสารกลับมาด้วย จึงทำให้ดูดฝุ่นลอยกลับมาติดแผงคอยล์เย็น และจับตัวเป็นก้อน ดังนั้นควรล้างแอร์อย่างน้อย 2 ครั้งถึงจะดีนะ

  1. น้ำยาแอร์รั่ว

ปัญหาน้ำยาแอร์รั่วเป็นสิ่งที่คนจะนึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ เมื่อนึกถึงสาเหตุที่แอร์ไม่เย็น ลักษณะการรั่วจะมีสองแบบคือรั่วภายในครั้งเดียวกับค่อย ๆ รั่วจนหมด การรั่วภายในครั้งเดียวเราจะสามารถสังเกตเห็นได้แทบจะทันที เนื่องจากการรั่วในทันทีจะมีควันออกมาบริเวณฝากระโปรงรถเราเสมือนมีเพลิงไหม้เกิดขึ้น การรั่วแบบนี้จะสามารถหารอยรั่วได้ง่ายกว่าการที่น้ำยาแอร์ค่อย ๆ รั่ว หากเกิดรอยรั่วที่มองไม่เห็นคุณจะต้องนำเข้าศูนย์ให้ช่างเช็กให้ การรั่วแบบนี้กว่าคุณจะรู้ตัวน้ำยาแอร์อาจจะรั่วจนใกล้หมดแล้วก็ได้ เพราะมันจะไม่ได้มีอาการแสดงให้เห็นในทันที แต่จะค่อย ๆ เย็นน้อยลงเรื่อย ๆ

  1. คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน

จริงๆแล้วจะเรียกว่าคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงานก็คงไม่ได้ ส่วนใหญ่ตัวคอมเพรสเซอร์จะยังทำงานอยู่ทว่าไม่มีแรงดันอากาศที่เพียงพอในการส่งสารทำความเย็นได้ นี่เป็นปัญหาที่สังเกตได้แทบจะทันทีเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน จะมีเพียงลมธรรมดาที่ไม่มีแม้แต่ความเย็นปล่อยออกมาแทน วิธีซ่อมของเจ้าตัวนี้คือ เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์อย่างเดียวเท่านั้น

  1. พัดลมแอร์ไม่ทำงาน

การทำงานของพัดลมแอร์ก็มีหน้าที่ใกล้เคียงกันกับการทำงานของคอมเพรสเซอร์ เพียงแต่พัดลมแอร์จะเป็นส่วนช่วยในการลดอุณหภูมิของน้ำยาแอร์เพราะว่าตัวคอมเพรสเซอร์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้สารทำความเย็นอยู่ในอุณหภูมิที่ต้องการได้ หากพัดลมแอร์เสีย แน่นอนว่าลมที่ออกมามักจะเป็นลมร้อน หากคุณพบเจอปัญหาแบบนี้ แนะนำให้เข้าศูนย์เปลี่ยนพัดลมแอร์ทันทีเลย

วิธีป้องกันไม่ให้ระบบแอร์พังเร็ว

วิธีป้องกันไม่ให้ระบบแอร์พังเร็ว
  1. อย่าใช้แอร์โหมดออโต้

การเซตแอร์โหมดอัตโนมัติแม้จะสบายที่ไม่ต้องคอยนั่งปรับอุณหภูมิที่เหมาะสม ทว่ากลับเป็นผลร้ายสำหรับระบบแอร์รถยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะระบบแอร์ต้องทำงานผสานระหว่างความเย็นและร้อนให้ใกล้เคียงกัน ซึ่งจะทำให้ความเย็นปะทะความร้อนจนกลายเป็น น้ำค้างในตู้แอร์ จนทำให้วันหนึ่งน้ำที่ค้างอยู่อาจรั่วออกมาและกลายเป็นปัญหาแอร์ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ วิธีที่ดีสำหรับการเปิดแอร์ก็คือ เน้นเปิดให้อุณหภูมิเย็นและใช้พัดลมเปิดช่วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

  1. อย่าเปิดแอร์ตอนสตาร์ทรถ

สำหรับคนที่มักจะดับรถโดยไม่ปิดแอร์ก่อน ต้องนึกไว้ให้มั่นว่าก่อนลงรถควรปิดแอร์ก่อน สาเหตุก็เพราะว่าเมื่อคุณสตาร์ทรถใหม่แอร์จะติดทันทีเลย มันจะนำมาซึ่งข้อเสียที่ว่าขณะสตาร์ทรถ เครื่องยนต์จะทำรอบสูงและทำให้ระบบแอร์ทำงานหนักไปด้วย แน่นอนว่าระบบแอร์กับรอบสูงสัมพันธ์กัน เมื่อเครื่องยนต์ทำงานหนัก คอมเพรสเซอร์แอร์ที่ใช้แรงขับของเครื่องยนต์ก็จะทำงานหนักไปด้วย ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ที่โดนรอบสูงพังเร็วขึ้นค่ะ ดังนั้นควรรอสักพักให้เครื่องยนต์อยู่ในรอบปกติเสียก่อน จึงค่อยเปิดแอร์ ให้กะไว้ที่ไม่เกิน 3 นาที

  1. เวลาซิ่งแล้วดับแอร์ อย่าเปิดแอร์ต่อทันที

ใครที่ชอบขับรถเร็วแล้วดับแอร์ ควรระวังตรงจุดนี้ไว้มาก ๆ นะคะ เพราะจะคล้ายคลึงกับกรณีเปิดแอร์ตอนสตาร์ทรถ เพราะเมื่อคุณใช้ความเร็วสูงมาก รอบของเครื่องยนต์ก็จะสูงตาม ตอนดับแอร์เพื่อเพิ่มความเร็วย่อมไม่ใช่ปัญหา ทว่าเมื่อใช้ความเร็วจนพอใจ คุณจะเปิดแอร์ทันทีไม่ได้ เพราะรอบเครื่องของคุณยังคงสูงมาก หากเปิดแอร์ทันที อาจทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์คุณทำงานหนักจนแฮงค์ไปเลย

  1. หมั่นขับรถให้บ่อย

การขับรถให้บ่อยดีกว่าการจอดรถทิ้งไว้แน่นอน ลองคิดภาพที่สมัยก่อน ปู่ย่าเราต้องคอยมาสตาร์ทรถทุกวันแม้ไม่ใช้ สาเหตุก็มาจากหากทิ้งเอาไว้ เครื่องยนต์อาจสตาร์ทไม่ติด แล้วถ้าสตาร์ทไม่ขึ้นปัญหาที่ตามมาก็คือ คอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน เช่นเดียวกันกับการที่คุณไม่ได้เปิดประตูบ้านนานๆ ประตูมักจะฝืดเคืองใช่ไหมล่ะคะ ระบบท่อแอร์ก็เหมือนกัน เมื่อไม่มีน้ำมันหล่อลื่นในการช่วยส่ง น้ำยาแอร์จะถูกส่งอย่างไม่ทั่วถึงนั่นเอง

สรุป

วิธีป้องกันไม่ให้ระบบแอร์พังเร็ว

การขับรถยนต์นอกจากจะต้องดูแลสภาพรถภายนอกให้ดูดีและสวยงามอยู่ตลอดแล้ว ยังต้องดูแลภายในระบบรถยนต์ให้ดีไปพร้อม ๆ กันด้วย การหมั่นนำรถยนต์เข้าไปเช็คที่ศูนย์ตามระยะจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะคุณจะได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถของคุณได้อย่างทันท่วงที ระบบแอร์รถยนต์แม้จะดูไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเล็กที่จะมองข้ามได้ง่าย ๆ แม้ว่าจะเป็นรถมือหนึ่งก็ตาม เพราะปัญหาระบบแอร์มักเกิดในปีที่ 3 ของการใช้รถ เราจึงอยากมาแชร์ข้อมูลดี ๆ ให้เพื่อน ๆ ผ่านบทความ สิ่งที่ควรต้องรู้เกี่ยวกับ แอร์รถยนต์ ทำงานอย่างไร ทำไมแอร์ถึงไม่เย็นบ่อย มีวิธีป้องกันยังไงแอร์ถึงจะไม่พังเร็ว เรื่องนี้กัน

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

บริการรับ จำนำรถ

TAG