ถ้าพูดถึงล้อแม็กซ์ ในสำหรับรถยนต์ก็นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์อีกหนึ่งอย่างที่ค่อนข้างสำคัญทั้งในเรื่องของความปลอดภัย และ ในเรื่องความสวยงาม ที่เหมือนเป็นของตกแต่งชิ้นแรกที่คนมักเลือกเปลี่ยนก่อนอย่างอื่น ซึ่งในปัจจุบันก็มีล้อแม็กซ์มาให้เลือกมากมายหลายชนิด ทั้งแบบของแต่งและของที่มาจากผู้ผลิต เพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักกับล้อแม็กซ์ทั้งหมด เราจึงจัดทำบทความ ล้อแม็กซ์มีทั้งหมดกี่ชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียมากน้อยเพียงใด เรื่องนี่มาเจาะลึก ล้อแม็กซ์ทุกประเภททุกรูปแบบ ว่ามีคุณสมบัติต่างกันอย่างไร และ ลวดลายอันสวยงามที่มีมากมายนั้นทำมาเพื่อเสริมหล่ออย่างเดียวหรือไม่ ล้อแม็กซ์แบบไหนจะเหมาะกับรถของคุณมากที่สุด
ล้อแม็กซ์มีทั้งหมดกี่ชนิด
- ล้อกระทะหรือล้อเหล็ก Steel Wheel คือ ล้อแม็กซ์ชนิดเริ่มต้นที่มีราคาไม่แพง ส่วนมากจะเป็นอุปกรณ์ติดรถ ของรถยนต์ประเภทรถกระบะรุ่นร่างสุดที่เน้นใช้งานมากกว่าออฟชั่นความสวยงาม ซึ่งล้อกระทะจะทำมาจากวัสดุเหล็กทั้งชิ้น ช่วยให้มีความแข็งแรงทนทาน สามารถวิ่งได้ทั้งบนทางเรียบและทางขรุขระ ใช้เทคโนโลยีการผลิตจากการปั้มขึ้นรูปจากแผ่นเหล็กที่มีราคาไม่แพง ซึ่งข้อเสียของล้อประเภทนี้ก็คือ ตัวล้อจะมีน้ำหนักมากจึงทำให้มีแรงต้านในการหมุนที่สูงจึงทำให้ตัวรถได้อัตราเร่งที่ช้ากว่าปกติ จนทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้ง่าย และ ด้วยความที่น้ำหนักเยอะก็ทำให้ช่วงล่างตอบสนองช้าด้วยเช่นกัน
- ล้อแม็กนีเซียมอัลลอย หรือ ล้อแม็กซ์ที่เรารู้จักกัน Magnesium Alloy Wheel คือจุดเริ่มต้นของคำว่าล้อแม็กซ์ที่คนไทยเรียกติดปากกัน ซึ่งดั้งเดิมล้อประเภทนี้จะนิยมใช้กันในรถแข่ง หรือ รถ Sport สมรรถนะสูง เพราะตัวล้อทำมาจากวัสดุแม็กนิเซียมอัลลอยที่มีน้ำหนักเบากว่าโลหะมาก ๆ ทำให้สามารถผลิตล้อที่มีหน้ากว้างมากขึ้นเพื่อใส่ยางใหญ่ได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนัก ซึ่งการที่ล้อหน้ากว้างและใส่ยางใหญ่ช่วยให้รถทรงตัวได้ดีมากขึ้น แถมวัสดุที่มีน้ำหนักเบาเช่นนี้ก็ส่งผลให้เกิดแรงต้านในการหมุนของล้อที่น้อยลงไปด้วย และ เวลาเบรกก็สามารถหยุดรถได้เร็วมากกว่า แต่ในปัจจุบันก็มีล้อประเภทนี้ออกมาว่างขายเป็นอุปกรณ์ตกแต่งอยู่มากมาย ซึ่งก็ต้องเลือกดูของแท้ของปลอมกันให้ดีนะครับ ส่วนข้อเสียของล้อแม็กซ์ประเภทนี้คือ ไม่ทนทานต่อการกัดกร่อนเท่ากับล้อเหล็กจึงเหมาะสำหรับใช้บนทางเรียบที่ไม่มีเศษดินเศษหิน และ ล้อประเภทนี้ก็จะมากับราคาที่ค่อนข้างแพง
- ล้ออลูมิเนียมอัลลอย (Aluminum Alloy Wheel) คือ ล้อแม็กซ์ที่นิยมใช้กันมากที่สุดสำหรับผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ เพราะถูกสร้างมาเพื่อใช้แทนล้อแม็กนิเซียมอัลลอยที่มีราคาสูง โดยเปลี่ยนมาใช้วัสดุอลูมิเนียมอัลลอย ที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งวัสดุชนิดนี้ถึงแม้จะมีน้ำหนักที่มากกว่าแม็กนิเซียม แต่ก็ยังเบากว่าเหล็กอยู่ดีแถมระบายความร้อนได้ดีกว่าเหล็ํก และ วัสดุก็หาได้ง่ายกว่าแม็กนิเซียมอัลลอย แถมยังเป็นวัสดุที่สามารถออกแบบลวดลายได้หลากหลาย ส่วนข้อเสียก็จะเป็นในเรื่องของการใช้ความเร็วสูงที่อาจจะทำได้ไม่ดีเท่ากับล้อแม็กนิเซียม ซึ่งล้อประเภทนี้ก็เป็นล้อแม็กที่อยู่ในเกรดระหว่างกลาง ระหว่าง ล้อเหล็กกับล้อแม็กนิเซียม ที่มีความสามารถอเนกประสงค์ จนทำให้นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน
- ล้อคาร์บอนไฟเบอร์ คือ ล้อแม็กซ์เกรดที่สูงที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พึ่งจะถูกนำมาใช้ได้ไม่นาน โดยส่วนมากเราจะพบในรถยนต์สมรรถนะสูงที่เป็นรุ่นพิเศษ หรือ รุ่นเรือธงของแบรนด์ โดยจะเป็นล้อแม็กที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น ที่เป็นวัสดุขั้นเทพของวงการยานยนต์ ที่มีคุณสมบัติที่แข็งแรงทนทานมากกว่าวัสดุทุกรูปแบบที่เคยมีมา เพราะทั้งแข็งและยืดหยุ่นำได้ในตัว ที่พอเวลาโดนกระแทกก็จะยุบตัวตามน้ำหนักที่ได้รับเพื่อดูซับแรงกระแทกและกลับมาคืนตัวโดยการสะท้อนกลับออกมา แถมตัววัสดุที่แข็งแกร่งขนาดนี้กลับมีน้ำหนักที่เบามาก ๆ และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเท่าอายุรถเลย ซึ่งวัสดุเองก็ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ทุกรูปแบบ และ จากการที่ตัวล้อมีน้ำหนักเบาก็ยิ่งทำให้สามารถวิ่งได้เร็วมากขึ้น โดยที่เกิดแรงต้านน้อยมาก ๆ ซึ่งข้อเสียของล้อประเภทนี้ก็จะติดอยู่ข้อเดียวตรงที่ราคานี่แหละ ที่มากับราคาเทียบเท่ารถยนต์ 1 คันเลย อย่างเช่นล้อในภาพของ Carbon Revolution วงนี้ก็มีราคาอยู่ที่ ชุดละ 15,000 เหรียญสหรัฐ หรือ เทียบเท่ากับเงิน 482,000 บาทไทยเลย ใครไหวก็ไปก่อนเลยครับ
- ล้อไทเทเนี่ยม คือ ล้อแม็กซ์ขวัญใจวัยรุ่นไทยที่ได้รับความนิยมใช้เป็นของตกแต่งกันมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งล้อเดิมแบบอลูมิเนียมนั้นอาจจะยังไม่ทำให้เจ้าของรถบางท่านนั้นพอใจได้ จึงหันไปหาล้อไทเทเนี่ยม ที่ทำมาจากวัสดุโลหะสีเทาขาวสุดเท่ห์ แถมวัสดุชนิดนี้ก็มีความแข็งแรงกว่าอลูมิเนียมมากถึง 2 เท่า และมีน้ำหนักที่มากกว่าอลูมิเนียมเล็กน้อยแต่ก็ยังเบากว่าเหล็กอยู่ดี การที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาช่วยให้ตัวรถมีสมดุลการกระจายน้ำหนักที่ดีขึ้นบนความเร็วสูง และ ล้อแม็กซ์ประเภทนี้ก็มีราคาเริ่มต้นที่ไม่แพง เพราะตัวไทเทเนียมจัดเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ส่วนข้อเสียของวัสดุชนิดนี้จะมีความทนทานต่อการกัดกร่อนได้น้อย
นอกจากนี้ล้อแม็กซ์ยังสามารถแบ่งออกตามส่วนประกอบได้อีก ดังนี้
- ล้อแม็กซ์แบบชิ้นเดียว จะเป็นล้อแม็กซ์ที่ทำขึ้นโดยผ่านการขึ้นรูปแบบเป็นชิ้นเดียวทั้งวง โดยที่จะไม่มีลอยต่อหรือลอยประกบใด ๆ ข้อดีคือมีความทนทานสูง เกิดการรั่วซึมยาก ส่วนข้อเสียก็จะมีน้ำหนักที่มากกว่าแบบอื่น ๆ
- ล้อแม็กซ์แบบ 2 ชิ้น คือ ล้อแม็กซ์ที่แยกส่วนประกอบออกจากกัน 2 ชิ้น คือ ลายหน้าล้อจะเป็นคนละส่วนกับขอบล้อ ที่ยึดโดยน็อตหรือหมุด เพื่อความสวยงามดังเช่นในภาพ ข้อดีคือมีน้ำหนักเบากว่าล้อแบบชั้นเดียว ส่วนข้อเสียก็จะเป็นในเรื่อง ความแข็งแรงและทนทานก็จะต่ำกว่าแบบชั้นเดียว และ มีราคาที่ค่อนข้างสูง
- ล้อแม็กซ์แบบ 3 ชิ้น สำหรับล้อแม็กซ์ประเภทนี้จะคล้ายกับแบบ 2 ชิ้น ที่แยกขอบล้อแม็กซ์กับลายด้านหน้าออกจากกัน แต่ล้อแม็กประเภทนี้จะมีขอบล้อเป็น 2 ชิ้นที่ถูกชื่อมประกบเอาไว้ สามารถเลือกตกแต่งลวดลาย Custom ได้อย่างอิสรถ ส่วนข้อดูก็จะมีน้ำหนักที่เบากว่าล้อแบบชั้นเดียว แต่ก็ต้องแรกมากับราคาที่แพงมากขึ้น กับความทนทานที่มีน้อยลง
ส่วนลวดลายของล้อแม็กซ์ก็จะแบ่งออกได้เป็นหลัก ๆ 4 ประเภท ได้แก่
- ล้อแม็กซ์แบบจาน Disc Type หรือ ลายล้อกระทะ ส่วนมากจะเป็นล้อแม็กแบบชิ้นเดียว ที่มีความแข็งแรงทนทานสูง มักจะนิยมใช้กันในรถบรรทุก
- ล้ัอแม็กว์แบบก้านใหญ่ Spoke Type คือลวดลายที่เราจะพบได้บ่อยที่สุด โดยจะพัฒนามาจากล้อแม็กแบบ Disc Type ให้มีความสวยงามมากขึ้น แต่จะคงความแข็งแรงเอาไว้ด้วยก้านขนาดใหญ่ ใช้ได้กับรถยนต์เกือบทุกประเภท
- ล้อแม็กซ์แบบก้านเล็ก Fin Type คือล้อแม็กที่มีก้านถี่ขึ้น และ ขนาดก้านเล็กลง เพื่อเพิ่มความสวยงาม แต่ความแข็งแรงก็จะลดลงตามไปด้วย จึงเหมาะกับรถยนต์ที่มีน้ำหนักตัวไม่มาก
- ล้อแม็กซ์แบบ Mesh Type คือล้อแม็กซ์ที่ใช้ลวดลายแบบซี่ลวดขนาดเล็ก ๆ ถี่ ๆ เหมือนตาข่าย ที่ทั้งแข็งแรงและทนทาน แต่จะเสียก็ตรงที่ทำความสะอาดยาก
เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องล้อกันเลยไหมครับ สำหรับบทความ ล้อแม็กซ์มีทั้งหมดกี่ชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร มีข้อดีข้อเสียมากน้อยเพียงใด เรื่องนี่ ที่เราได้นำมาฝากทุกท่าน หวังว่าทุกท่านจะเจอล้อที่ถูกใจกันนะครับ ส่วนในครั้งหน้าเราจะพาไปดูกันว่า ล้อจากค่ายไหนเด็ด แบรนด์ไหนโดน ยี่ห้อไหนดัง และ น่าใช้มากที่สุดกันครับ ส่วนวันนี้ก็ต้องของตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความครั้งหน้านะครับ สวัสดีครับ
