Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium รถยนต์ SUV ปลั๊กอินไฮบริด ยุคสุดท้ายของเครื่องยนต์ !

รีวิวรถ Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium

เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาวสำหรับ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ตระหนักดีถึงการเปลี่ยนแปลง ในเรื่องของรถยนต์นั้นบางสิ่งบางอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ซึ่งนั่นก็ทำให้เป็นการมาของรถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV รถยนต์ SUV GT Premium ปลั๊กอินไฮบริด ยุคสุดท้ายของเครื่องยนต์ ! คันนี้ อาจจะต้องรออีกสักหน่อยสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่จะมั่นใจใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มรูปแบบ 

เนื่องจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในปัจจุบัน ยังคงมีรัศมีทำต่อการชาร์จแบต 1 ครั้งแค่ 400-500 กิโลเมตร หรืออาจน้อยกว่านั้นหากใช้คันเร่งอย่างต่อเนื่อง จุดชาร์จไฟที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย ทำให้การเดินทางไกลด้วยรถพลังงานไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ยังน่ากังวลใจอยู่บ้าง การเลือกรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจึงหมายถึง การเตรียมตัวเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังจะครอบคลุมมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ความสามารถของรถยนต์ปลั๊กอินคันนี้ก็คือ การวิ่งโดยปราศจากมลพิษไกล 35 กิโลเมตร โดยใช้มอเตอร์คู่หน้า-หลังในการขับเคลื่อน คุณสามารถเร่งความเร็วด้วยมอเตอร์เพียวๆ โดยที่เครื่องยนต์ยังไม่ติดได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นศักยภาพของรถปลั๊กอินจากแบรนด์ญี่ปุ่นที่เกือบจะเท่ากับรถเสียบปลั๊กชาร์จไฟของฝั่งยุโรปแต่มีราคาค่าตัวที่ถูกกว่ามาก 

และนอกจากสมรรถนะของระบบ Plug in Hybrid แล้ว รถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium เป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ Super All Wheel Control (SAWC) ที่อุดมไปด้วยระบบความปลอดภัยไฮเทคที่คอยช่วยเหลือผู้ขับขี่อีกมากมาย และในวันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับรถยนต์คันนี้กัน 

ดีไซน์ภายนอกรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium 

ดีไซน์ภายนอกรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium 

ดีไซน์ภายนอกของรถยนต์คันนี้มีความเรียบง่ายตามอายุของรุ่นแต่ก็ไม่ดูเชยจนเกินไปด้วยคาแรคเตอร์โฉมใหม่ที่เหมือนกับรุ่น Pajero Sport ในตัวปัจจุบันทั้งด้านหน้าและด้านท้าย มีความเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ SUV จากค่าย Mitsubishi การออกแบบจุดเติมเชื้อเพลิงและจุดชาร์จไฟฟ้าถูกแยกออกจากกันแบบคนละฝั่ง ฝาถังเชื้อเพลิงอยู่ด้านซ้าย ส่วนฝาปิดจุดชาร์จไฟอยู่ด้านขวาแก้มข้างแปะตราสัญลักษณ์ Outlander PHEV และในรุ่นนี้มีลายละเอียดภายนอกทั้งหมดดังนี้

Exterior ภายนอกของรถยนต์ 

  • มีไฟหน้าแบบ LED Twin Projector พร้อมระบบปรับระดับการส่องอัตโนมัติ
  • มีราวหลังคาดีไซน์ใหม่
  • มีกัญชนหน้าใหม่แบบไมเนอร์เชนจ์
  • มีชุดกระจังที่ออกแบบเป็นรูพรุน เพื่อนำลมไประบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์
  • มีชุดกระจังหน้าประดับด้วยพลาสติกโคลเมี่ยมและสีดำเปียโนทั้งชุด
  • มีไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Light
  • มีไฟตัดหมอกหน้าแบบฮาโลเจน
  • มีไฟท้ายแบบ LED Tail Lights
  • ฝากระโปรงหน้า มีตัวอักษร Outlander สีดำ
  • มีกัญชนท้ายใหม่แบบไม่เนอร์เชนจ์
  • มีสปอยเลอร์ใหม่พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 
  • มีกรอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวถังโดยมีเลนส์ไฟเลี้ยว LED อยู่ภายใน
  • มีเสาอากาศทรงครีบฉลาม 
  • มีมือจับเปิดปิดประตูแบบโครเมี่ยม
  • ชายล่างของบานประตู เดินเส้นพลาสติกสีเงินโครเมียม
  • ประตูด้านท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า 
  • มีเซนเซอร์ 4 ตำแหน่ง ด้านท้าย
  • มีกล้องมองหลังอยู่ที่ด้านซ้ายของกรอบป้ายทะเบียน 
  • มีล้อแม็กซ์ขอบ 18 นิ้ว มากับยาง Dunlop SP Sport 5000 ขนาด225/55R18 

Dimension : มิติตัวถัง

  • มีขนาดความยาวทั้งหมด 4,695 มิลลิเมตร 
  • มีขนาดความกว้างทั้งหมด 1,800 มิลลิเมตร
  • มีขนาดความสูงทั้งหมด 1,710 มิลลิเมตร 
  • ความยาวฐานล้อมีขนาด 2,670 มิลลิเมตร 
  • ระยะห่างล้อคู่หน้ามีขนาด 1,539 มิลลิเมตร 
  • ระยะห่างล้อคู่หลังมีขนาด 1,539 มิลลิเมตร 
  • ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถมีขนาด 190 มิลลิเมตร 
  • มีน้ำหนักทั้งหมด 1,930 กิโลกรัม 
  • มีความจุถังเชื้อเพลิงทั้งหมด 45 ลิตร

ดีไซน์ภายในรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium

ดีไซน์ภายในรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium

ดีไซน์ภายในของรถยนต์คันนี้มาในโทนที่เรียบง่ายสไตล์ผู้ใหญ่เหมือนกับดีไซน์ภายนอก ที่เน้นความไปที่กลุ่มคนสูงวัย เหมาะสำหรับเดินทางเป็รครอบครัว ไปทำกิจกรรม Adventure เบาะหลังมีพื้นที่มากพอทั้งการวางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะ พร้อมกับปรับเพื่อบรรทุกสัมภาระต่างๆได้มากมายหลากหลาย ในลายละเอียดภายในและอุปกรณ์อำนวยความสดวกของรถยนต์คันนี้

Interior ภายในรถยนต์ : 

  • มีเบาะปรับด้วยระบบไฟฟ้าคู่หน้า ทั้งคนนั่งและคนขับ
  • มีเบาะทุกตำแหน่งหุ้มด้วยหนังสีดำ เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาวตัดกันแบบไดมอนคัต
  • เบาะหลังสามารถปรับพับแบบ 40:60:40 
  • แดชบอร์ดบางจุดหุ้มด้วยไวนิล บางจุดก็เป็นพลาสติกทั้งชิ้น บางส่วนก็จะหุ้มด้วยพลาสติกที่ทำออกมาคล้ายกับลวดลายคาร์บอนเคฟล่าร์ จัดวางผสมผสานกันอย่างลงตัว
  • มีแผงประตูแบบซอฟต์ทัช เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาวแบบไดมอนคัต
  • มีมาตรวัดความเร็วและการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบไฮบริด การชาร์จกระแสไฟ รวมไปถึงการแจ้งเตือนต่างๆ ถูกควบรวมอยู่ภายในกรอบหน้าปัดมาตรวัดแบบเข็มที่อ่านค่าได้ง่าย
  • มีพวงมาลัย 4 ก้าน สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง ขึ้น/ลง และเข้า/ออก 
  • มีเกียร์ Paddle Shift 
  • มีสวิตช์สำหรับระบบปรับอากาศ ซึ่งเป็นแบบ Dual Zone ปรับแยกอุณภูมิซ้าย/ขวาได้ และมีฮีทเตอร์เป่าลมร้อนมาให้ ซึ่งเป็นฮีทเตอร์ที่อาศัยเครื่องยนต์ในการช่วยทำความร้อน ดังนั้นเวลาใช้ฮีทเตอร์เครื่องยนต์ก็จะติดนะครับ 
  • ข้างใต้ลงมา เป็นปุ่มสำหรับยกเลิกการทำงานของฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า 
  • มีปุ่มสำหรับเปิด/ปิดระบบเตือนรถในจุดบอดกระจกมองข้างอยู่บริเวณคอนโซลกลางรถ
  • มีสวิตช์เปิดใช้ระบบไฟฟ้า 1,500w และปุ่มโหมด Eco อยู่บริเวณคอนโซลกลางรถ
  • มีสวิตช์โหมด Eco อยู่บริเวณคอนโซลกลางตอนล่าง

Entertainment : ระบบความบันเทิง

  • มีจอภาพมอนิเตอร์กลาง ขนาด 8 นิ้ว สั่งงานด้วยระบบสัมผัส
  • รองรับ Apply CarPlay และ AndroidAuto
  • มีระบบเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน 
  • มีลำโพง 6 ตำแหน่ง 
Entertainment : ระบบความบันเทิง

เพิ่มเติมอีกนิหน่อยในส่วนของจอมาตรวัดมีจอ MID ขนาดเล็กที่เป็นจอสีอยู่ตรงกลาง มาตรวัดวงซ้าย เอาไว้บอกสถานะการทำงานของระบบไฮบริด ถ้าเข็มตวัดเข้าเขตที่เป็นสีฟ้า นั่นหมายถึงเครื่องยนต์ไม่ได้ทำงานและมีการชาร์จด้วยการเบรก (Regenerative Braking System) และถ้าเข็มตวัดเข้าโซนเขียว คือ EV Zone แปลว่าตราบใดที่คุณกดคันเร่งเลี้ยงเข็มให้อยู่ในโซนนี้ได้ เครื่องยนต์จะไม่ติด (นอกเสียจากว่ามีเหตุจำเป็น) โซนสีขาว คือโซนก้ำกึ่ง มอเตอร์ไฟฟ้ายังขับเคลื่อนอยู่ แต่เครื่องยนต์อาจติดเมื่อไหร่ก็ได้ ในขณะที่โซนน้ำเงินนั้น คือเครื่องยนต์ติด แต่ที่เห็นว่า x10 kW นั่น ไม่ได้แปลว่าเราจะได้พลังม้าในการขับเคลื่อนมา 10×1.36 = 136 แรงม้าเสมอไปนะครับ เครื่องติด แต่ติดแล้วส่งกำลังไปล้อ หรือติดเพื่อปั่นไฟ ต้องแยกออกเป็น 2 กรณี จอ MID ตรงกลาง ก็โชว์มาตรวัดระยะทางวิ่ง รวมถึงระยะทางคาดคะเนที่วิ่งได้ด้วยน้ำมันที่เหลือ และด้วยไฟฟ้าที่เหลือในแบตเตอรี่ กดปุ่มรูปสี่เหลี่ยมตรงแถวช่องแอร์ขวา แล้วคุณจะสามารถเปลี่ยนไปดูข้อมูลอื่นๆได้ เช่นข้อมูลการส่งกำลังการขับเคลื่อนไปล้อหน้า/หลัง ข้อมูลการทำงานของระบบไฮบริด Power/Energy Flow มาตรวัดอุณหภูมิน้ำหม้อน้ำถูกแทนที่ด้วยแท่งพลังแบตเตอรี่

เครื่องยนต์รถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium 

เครื่องยนต์รถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium 

ขุมพลังของรถยนต์คันนี้ มาในรหัส 4B12 เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์วทวินแคม พร้อมระบบแปรผันองศาแคมชาฟท์ที่ฝั่งไอดี (MIVEC on Intake side) เครื่องยนต์มีความจุขนาด 2.4 ลิตร (2,360 cc.) จากความกว้างปากกระบอกสูบและระยะชัก 88.0 x 97.0 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 128 แรงม้าที่ 4,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที รองรับน้ำมัน E20 ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ E-CVT ตัวเครื่องยนต์ใช้วาล์วแปรผัน MIVEC ในการกำหนดจังหวะเปิด-ปิดของวาล์วไอดี ในช่วงที่รถยนต์ไม่ต้องใช้กำลังมาก วาล์วไอดีจะปิดช้าๆเพื่อปล่อยให้ลูกสูบดันไอดีกลับออกทางพอร์ทได้ เป็นการลดแรงต้านจากการอัดอากาศในกระบอกสูบ พูดง่ายๆคือทำงานเป็น Atkinson Cycle Mode นั่นเอง แต่พอต้องใช้กำลังมากขึ้น MIVEC จะสั่งบิดแคมชาฟท์ให้จังหวะเปิด-ปิดวาล์วเหมือนรถปกติ ก็จะทำงานในโหมด Otto Cycle เหมือนรถเบนซินทั่วไป

เครื่องยนต์รถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium  02

ส่วนพระเอกในการขับของรถยนต์คันนี้เคลื่อนคือมอเตอร์ AC Synchronous Permanent Magnetic Motor 2 ตัวสองตัวนี้ ซึ่งผลิตกำลังได้ต่างกัน มอเตอร์ข้างหน้าเป็นแบบ S61 ซึ่งมีพลัง 82 แรงม้า/แรงบิด 137 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์ด้านหลังเป็นแบบ Y61 95 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตร

เครื่องยนต์รถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium  03

ขุมพลังของ Mitsubishi Outlander PHEV จะแบ่งการทำงานออกเป็น 3 รูปแบบ บริหารจัดการระหว่างระบบต่างๆด้วยสมองกลควบคุมระบบไฮบริด

  • EV Drive Mode – คือการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเท่านั้น มีไว้ใช้ในการขับแบบปกติ ในเมือง กดคันเร่งไม่หนัก
  • Series Hybrid Mode – ก็คือ มอเตอร์ยังทำงานอยู่แต่เครื่องยนต์จะติดขึ้นเพื่อชาร์จไฟ โหมดนี้จะทำงานเมื่อแบตเตอรี่เริ่มอ่อน และทำงานเมื่อคุณกดคันเร่งหนักๆ 
  • Parallel Hybrid Mode – จะทำงานต่อเมื่อใช้ความเร็วสูง 140-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โหมดนี่จะทำงานด้วยการใช้เครื่องยนต์เป็นหลักและใช้มอเตอร์ไฟฟ้าน่าการเสริมกำลัง 

ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ E-CVT 

ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium  

ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium  

เทคโนโลยีระบบความปลอดภัยของรถยนต์คันนี้ มีบางอย่างที่ทำงานแบบฉุกเฉินและเร็วจนคุณต้องประหลาดใจ ระบบการทำงานตอบสนองไวไม่แพ้รถยนต์ยุโรปเลย นั่นก็คือ 

  • ระบบเบรกฉุกเฉินแบบอัตโนมัติที่สามารถเปิด-ปิดการทำงานได้ 
  • มีสัญญาณแจ้งเตือนขณะขับถอยหลัง RCTA 
  • มีระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM 
  • มีระบบแจ้งเตือนในจุดอับสายตา BSW 
  • มีระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนช่องทางจราจร LCA 
  • มีระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB
  • มีระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ACC พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go ทำหน้าที่รักษาระดับความเร็ว ตรวจจับท้ายรถคันหน้า พร้อมควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างที่มีความปลอดภัย จนกว่ารถคันหน้าจะหยุดแล้วออกตัว ระบบจะหยุดรถโดยเว้นระยะห่างไว้ และทำการออกตัวตามแบบอัตโนมัติ

จุดเด่นของรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium 

จุดเด่นของรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium 

บริเวณเกียร์สังเกตได้ว่าจะมีปุ่มต่างๆมากมายเป็นส่วนที่สำคัญและเป็นไฮไลต์ของรถยนต์รุ่นนี้เลย 

Battery Control (ปุ่มข้างซ้ายของมาร์กโชว์ตำแหน่งเกียร์) มีปุ่มเดียว แต่กด 1 ครั้งหรือ 2 ครั้งได้ผลต่างกัน แสดงผลบนหน้าปัด

  • SAVE – ในโหมดนี้ รถมีไฟเหลือในแบตเตอรี่เท่าไหร่ มันก็จะพยายามรักษาเอาไว้ให้ได้เท่านั้นตลอด เอาไว้ใช้เวลาต้องการเซฟพลังไฟฟ้าไว้ใช้คลานเข้าบ้านเงียบๆกลางดึกแบบไม่ปลุกใครตื่น
  • CHARGE – พอเข้าโหมดนี้ เครื่องยนต์จะติดเพื่อชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ แต่มันจะไม่เหมือนรถ PHEV อื่นๆที่พอใช้รอบสูง วิ่งเร็ว ยิ่งชาร์จกลับเร็ว เพราะของ Outlander นี่จอดนิ่งหรือวิ่งเหยาะ จะชาร์จกลับเร็ว แต่พอวิ่งเร็ว ระบบจะปันกำลังเครื่องไปป้อนให้การขับเคลื่อนมากกว่าการชาร์จ

EV Mode (ปุ่มข้างขวาของมาร์กโชว์ตำแหน่งเกียร์)

  • ใน EV Mode ระบบที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน สามารถใช้ความเร็วได้สูงสุด 135 กม./ชม. และถ้าชาร์จแบตเตอรี่มาเต็ม Mitsubishi ประเทศไทยเคลมว่าสามารถทำระยะทางได้ 55 กม. ทั้งนี้ในกรณีที่คุณกระทืบคันเร่งเต็ม เครื่องยนต์จะกลับมาติด เพราะ ECU จะมองว่ากระทืบคันเร่งแบบนั้น อาจจะมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น รถก็จะเข้าสู่โหมด Series Hybrid ในทันที่

ปุ่ม TWIN MOTOR 4WD Selector เอาไว้ควบคุมการทำงานของระบบขับสี่ S-AWC

  • NORMAL – ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อจะจัดการแบ่งพลังล้อหน้าและหลังตามปกติ โดยตัวรถจะคุมการแบ่งพลังล้อหน้าและหลังด้วยพลังจากมอเตอร์ และแบ่งกำลังซ้าย-ขวาด้วยระบบแยกจับเบรกซ้ายและขวา ซึ่งโดยปกติรถจะเซ็ตการส่งกำลังไว้ล้อหน้าและหลังเท่าๆกัน เวลากดคันเร่งหลังติดเบาะจะถ่ายแรงขับมาล้อคู่หลัง และเวลาเบรกหนักจะถ่ายไปล้อข้างหน้า
  • SNOW – ระบบจะส่งกำลังไปล้อหลังมากกว่าหน้าเพียงเล็กน้อย ซึ่งวิศวกรเชื่อว่าให้การบังคับควบคุมรถบนทางลื่นได้ดีที่สุด
  • LOCK – ปรับการส่งกำลังให้อยู่ในอัตราส่วนล้อหน้าและหลังให้อยู่ที่ 50:50 เกือบตลอด แต่อย่าไปคิดว่ามันจะทำงานเหมือนเกียร์ 4L นะครับ เพราะอย่าลืม รถมันไม่มีเพลากลาง ทุกอย่างเกิดขึ้นคืออิเล็กทรอนิกส์สั่งทั้งสิ้น บางครั้งมันก็จะหลุดจาก 50:50 ได้ถ้า ECU สั่ง

DRIVE Mode Selector

  • SPORT – ปุ่มอยู่ที่หลังสวิตช์ Twin Motor 4WD เมื่อกดแล้ว คันเร่งจะตอบสนองดุดันขึ้น ระบบ S-AWC (Super All Wheel Control) จะกระวีกระวาดขึ้น ส่งกำลังแบ่งไปด้านล้อหลังและหน้าแบบก้าวร้าวมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเวลาเหาะเข้าโค้ง ถ่ายกำลังไปหลังมากขึ้นและสั่งจับเบรกล้อวงในหนักขึ้น พอออกจากโค้งกระแทกคันเร่ง ก็ถ่ายกลับเป็น 50:50 ไวขึ้น
  • ECO mode – ปุ่มอยู่ที่คอนโซลกลางตอนล่าง ปรับคันเร่งให้ทำงานนุ่มนวลมากขึ้น ลดการใช้ไฟฟ้าส่วนที่ไม่จำเป็นลง

ส่วนระบบบังคับเลี้ยวของ Mitsubishi Outlander PHEV นั้น แน่นอนว่าเป็นพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า ตั้งอัตราทดเฟืองไว้ที่ 14.7 : 1 ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นช่วงล่างอิสระมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกเป็นแบบ ดิสก์ 4 ล้อ มีการเจาะครีบระบายความร้อนให้ในจานหน้า

สรุปรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium 

สรุปรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium 

สำหรับในรถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV เป็นรถ SUVอาจจะเป็นที่ถูกใจของผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุหน่อยที่ได้เดินทางกันเป็นครอบครัวอยู่บ่อยๆ มีคุณสมบัติที่เหมาะกับคนที่เน้นการใช้งานมากกว่าเรื่องรูปทรง คุณอาจจะเคยเป็นคนที่ขับรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อมาก่อน และยังจำเป็นต้องลุยอยู่บ้าง แต่เริ่มอยากมองหารถเงียบๆขับสบายที่มีความเป็น EV ในตัวมากขึ้น รถคันนี้เกาะเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาอยู่เหมือนกัน เพราะในเรื่องบริการหลังการขายที่น่าประทับใจของท่างค่าย Mitsubishi ที่เป็นแบรนด์คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ขึ้นชื่อเรื่องการดูแลคุณอย่างดี พร้อมศูนย์บริการอีกทั่วประเทศ 

รถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium  มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี 

รถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium  มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี 
  1. สีขาว White Diamond
  2. สีเงิน Sterling Silver 
  3. สีดำ Jet Black Mica 

ราคารถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV 

รถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV GT ราคา 1,640,000 บาท

รถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium ราคา  1,749,000 บาท

Link ซื้อรถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium 

www.checkraka.com/car/mitsubishi/outlander/

Youtube Review รถยนต์ : Mitsubishi Outlander PHEV GT Premium 

ในท้ายที่สุดรถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV รถยนต์ SUV GT Premium ปลั๊กอินไฮบริด ยุคสุดท้ายของเครื่องยนต์ ! จัดอยู่ในประเภทรถ SUV ถือว่าเป็นกลุ่มรถยนต์ที่มีหลายรุ่นหลายแบรนด์ให้เลือกเยอะ ในทางที่ดีที่สุดคุณต้องมาทดลองนั่งทดลองขับ แล้วคุณจะได้คำตอบว่าคันไหนเหมาะกับคุณ 

ก่อนลาจากกันในวันนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามมาโดยตลอด ในครั้งนี้หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าเราจะนำบทความอะไรมานำเสนอกันอีก ขอให้ทุกท่านคอยติดตามผลงานของพวกเราด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> บาคาร่า

ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ

บทความล่าสุด

หมวดหมู่

บริการรับ จำนำรถ

TAG