Audi A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S line รถยนต์ซีดานสุดหรูที่มาพร้อมขุมกำลังปลั๊กอินไฮบริด

ต้องบอกว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา หลายค่ายหลายแบรนด์ต่างก็ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งในเรื่องของเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ เทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งดีไซน์  ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นผลดีกับผู้บริโภคที่จะได้มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นด้วย เช่นเดียวกับค่ายรถยนต์ชื่อดังอย่าง อาวดี้ ประเทศไทย ก็ได้มีการเปิดตัว Audi A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S line รถยนต์ซีดานสุดหรูที่มาพร้อมขุมกำลังปลั๊กอินไฮบริด คันนี้ครับ โดยเจ้ารถยนต์คันนี้ออกแบบมาในซีดานแบบปลั๊กอินไฮบริดสุดหรู ที่เพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันนวัตกรรมระดับไฮเอนด์อย่างครบครัน ดีไซน์ที่โดดเด่น สง่างามเหนือระดับ พร้อมเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าขั้นสูง อีกทั้งมาพร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 4 โหมด ได้แก่ EV Mode, Battery Hold, Battery Charge, และ Hybrid นอกจากนี้ตัวรถจะมีระบบการทำงานแบบคาดการณ์ล่วงหน้า และถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ขับขี่หมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างทาง ส่วนรายละเอียดต่างๆเรามารับชมพร้อมกันได้เลยครับ 

ดีไซน์การออกแบบของรถยนต์ : Audi A8 L 60 TFSI e

Exterior:ภายนอกของรถยนต์

• อุปกรณ์กระจกไมโครดิจิทัล ไฟหน้าแต่ละดวงมีกระจกขนาดเล็กประมาณ 1.3 ล้านชิ้น ทำหน้าที่แบ่งแสงออกเป็นพิกเซลเล็กๆ ช่วยปรับการมองเห็นในที่มืด เพิ่มแสงสว่างบนถนนที่ปราศจากแสงไฟ ทำให้สามารถควบคุมรถได้อย่างแม่นยำ ฟังก์ชันใหม่ที่ทำให้เรื่องที่ยากมีความเป็นไปได้ นั่นก็คือไฟช่องทาง และไฟแสดงทิศทางสำหรับขับขี่บนทางหลวง ไฟหน้าจะเปล่งแสงส่องสว่างเฉพาะเลนของคนขับให้สว่างเป็นพิเศษ ไฟแสดงทิศทาง ออกแบบการทำงานเพื่อช่วยให้ผู้ขับอยู่ในเลนของตนเอง เมื่อขับผ่านถนนที่กำลังมีการก่อสร้างซึ่งมักจะไม่มีเส้นแบ่งช่องทาง และอาจก่อให้เกิดอันตราย ไฟหน้า Matrix LED แบบดิจิทัล พร้อมฟังก์ชัน coming home/leaving home แบบไดนามิก เมื่อปลดล็อกและออกจากรถ ระบบไฟจะส่องแสงสว่างคล้ายกับเครื่องสไตล์ที่ฉายบนพื้น หรือผนัง A8 รุ่นปรับโฉมยังมาพร้อมกับไฟท้าย OLED แบบดิจิตอล (OLED = organic light-emitting diode) เมื่อเลือกโหมด Dynamic ไฟท้าย OLED จะทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบภายในกรอบไฟท้ายให้กว้างขึ้น

Dimension:มิติตัวถังรถ

• ความยาว 5,230 มิลลิเมตร
• ความกว้าง  1,945 มิลลิเมตร
• ความสูง  1,488 มิลลิเมตร
• ความยาวฐานล้อ 3,128 มิลลิเมตร

ดีไซน์ภายในรถยนต์ : Audi A8 L 60 TFSI e

Interior:ภายในรถยนต์

• ภายในห้องโดยสารของ Audi A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S Line ถูกจัดวางแบบ 4 ที่นั่ง พร้อมคอนโซลกลางระหว่างเบาะนั่งคู่หลังที่มีหน้าจอ OLED แบบสัมผัสขนาด 5.7 นิ้ว สำหรับควบคุมฟังก์ชันต่างๆ พร้อมที่พักเท้าแบบอุ่นและฟังก์ชันนวดเท้า หลังคาพาโนรามิกเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ม่านบังแดดกระจกหลังและกระจกข้างเพื่อความเป็นส่วนตัว รวมถึงไฟอ่านหนังสือแบบ Matrix LED ที่สามารถปรับโหมดและตำแหน่งการส่องสว่างได้

Entertainment:ระบบความบันเทิง

• ระบบความบันเทิง สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมหน้าจอแสดงผล 2 ตำแหน่ง แบบ Full HD ขนาด 10.1 นิ้ว คอนโซลกลางด้านหลังแบบ First Class รีโมทคอนโทรลแบบมัลติฟังก์ชั่น สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง หน้าจอระบบสัมผัส บริเวณคอนโซลกลาง ขนาด 5.7 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display หน้าจอกลางสัมผัส ขนาด 10.1 นิ้ว หน้าจอควบคุมมัลติฟังก์ชั่น แบบสัมผัส ขนาด 8.6 นิ้ว พร้อมปุ่ม Haptic Feedback ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth เครื่องเล่น DVD ชุดเครื่องเสียงแบบพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ ระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ช่องชาร์จ USB-C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ช่องชาร์จ USB-C สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง 2 ตำแหน่ง ไฟเรืองแสงภายในห้องโดยสาร 30 สี (Contour/ambient Lightin

เครื่องยนต์รถยนต์ : Audi A8 L 60 TFSI e

Engine:เครื่องยนต์

เครื่องยนต์ V6 PHEV เชื่อมต่อกับระบบเกียร์ทิปโทรนิค 8 สปีดที่ปรับเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็ว และนุ่มนวล ปั๊มไฟฟ้าส่งถ่ายน้ำมันหล่อลื่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างต่อเนื่องในขณะที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาปถูกดับ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro กระจายแรงบิดระหว่างล้อหลังขณะขับเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว และทำให้การควบคุมมีเสถียรภาพมากขึ้น สามารถขับเคลื่อนในโหมดไฟฟ้าล้วนเป็นระยะทางสูงสุด 52 กิโลเมตรเมื่อชาร์จจนเต็ม (ตามมาตรฐาน WLTP) ทำความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้าได้ 135 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ที่รองรับการชาร์จไฟสูงสุด 7.4 kW สามารถชาร์จจนเต็มในเวลาเร็วสุด 2 ชั่วโมง และชาร์จด้วยไฟบ้านขนาด 220 โวลต์ ในเวลาสูงสุด 4 ชั่วโมง

ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ : Audi A8 L 60 TFSI e

• ถุงลมนิรภัย 8 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยด้านข้าง สำหรับเบาะนั่งคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง สำหรับเบาะนั่งด้านหลัง ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ระบบควบคุมการทรงตัว ESC ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุแบบพื้นฐาน Audi Pre-sense Basic ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุด้านหลัง Audi Pre-sense Rear ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน Lane Change Assist ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเปิดประตูลงจากรถ Exit warning ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอย หลัง Rear Cross-traffic Assist เซ็นเซอร์หน้า – หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX ชุดปฐมพยาบาล

สรุปรถยนต์ : Audi A8 L 60 TFSI e

โดยสรุปแล้วรถยนต์รุ่น Audi A8 L 60 TFSI e เป็นการผสมผสานความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีของ Audi ด้วยการนำข้อดีของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบสันดาปมารวมกัน และอีกจุดเด่นที่สำคัญของเจ้าอาวดี้ปลั๊กอินไฮบริด ก็คือ Electric Drive ซึ่งเป็นการติดตั้งไดรฟ์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ขนาดกะทัดรัดใช้สำหรับการเดินทางในระยะทางสั้น และเสริมด้วยพละกำลังเครื่องยนต์สันดาปสำหรับการเดินทางระยะไกล รถปลั๊กอินไฮบริดผสมผสานเทคโนโลยีการขับเคลื่อนสองเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของอาวดี้เข้าด้วยกัน ทางเลือกที่ลงตัวตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยบริหารจัดการเรื่องการชาร์จไฟฟ้าให้สะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่อีกด้วย

รถยนต์ Audi A8 L 60 TFSI e มีทั้งหมด 5 สี 

• สีขาว Glacier White
• สีดำ Mythos Blackระบบเทคโน
• สีเงิน Floret Silver Metallic
• สีเขียว District Green Metallic
• สีน้ำเงิน Firmament Blue Metallic

ราคารถยนต์ Audi A8 L 60 TFSI e: 7,199,000 บาท

Link ซื้อรถยนต์ : Audi A8 L 60 TFSI

https://www.audi.co.th/

สำหรับเจ้ารถยนต์  Audi A8 L 60 TFSI e quattro Prestige S line รถยนต์ซีดานสุดหรูที่มาพร้อมขุมกำลังปลั๊กอินไฮบริด คันนี้ เป็นรถยนต์สไตล์ซีดานแม้จะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแต่ก็สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันของผู้ขับขี่ทุกคนได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยระบบเทคโนโลยีที่มีความฉลาดมากขึ้นและระบบชาร์จไฟที่เหมาะกับทุกสภาพการจราจรจึงทำทำให้หมดห่วงเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างทางไปเลยครับ สุดท้ายก่อนจะจากกันในวันนี้ทาง mywonderwheel.com/ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามผลงานมาโดยตลอด และพบกันใหม่ในครั้งหน้าสำหรับวันนี้ สวัสดีครับ