เคยสงสัยกันไหมครับว่ารถกระบะที่วางจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยหลากหลายแบรนด์นี้ รถยนต์รุ่นไหนจากแบรนด์อะไรเป็นรถกระบะที่แรงที่สุดในปัจจุบันหากมาเทียบสมรรถนะกันแล้ว ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกท่านมาไขคำตอบไปด้วยกัน กับบทความ 5 อันดับรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลที่แรงที่สุด ในประเทศไทยในปี 2022 ของเราเรื่องนี่กันครับ ซึ่งก็ต้องขอบอกกันก่อนเลยว่านี้เป็นการนำสมรรถนะและตัวเลขมาเทียบกันเฉย ๆ ไม่ได้หมายความว่ารถรุ่นไหนดีหรือไม่ดีแต่อย่างใด เพราะรถยนต์ทุกคันในปัจจุบันนี้แน่นอนว่าทั้งดีและได้มาตรฐานกันทั้งหมด แต่สาเหตุหลักที่เราได้จัดทำบทความในครั้งนี้ขึ้นมาก็เพื่อ ให้ผู้อ่านทุกท่านได้สามารถเปรียบเทียบข้อมูลของแต่ละรุ่น ได้อย่างเห็นภาพและชัดเจนมากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถเลือกรถยนต์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณได้มากที่สุด และ รถกระบะทั้ง 5 คันนี้ที่เราได้นำมาฝากทุกท่านในครั้งนี้นั้น จะมีรุ่นอะไรกันบ้าง เราไปรับชมพร้อม ๆ กันเลยครับ
สำหรับ 5 อันดับรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซล ที่แรงที่สุดในประเทศไทยมีดังนี้
อันดับ 5 Mitsubishi Triton 2.4 Diesel Turbo
- แค่เพียงเริ่มต้นมาก็ดูโหดแล้ว สำหรับรถยนต์คันนี้จะมากับขุมพลังแบบ 4 สูบดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร พ่วงด้วยระบบอัดอากาศแบบ VG Turbo ที่มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และ 2 ล้อ สามารถเรียกพละกำลังได้มากที่สุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุดที่ 430 นิวตันเมตร ผสมผสานกับโครงสร้างตัวถัง จุดศูนย์ถ่วง และ ช่วงล่างที่ออกแบบมาได้อย่างสมดุลจึงสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ในเวลา 10.8 วินาที ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะไม่ได้แรงเท่ากับรถกระบะในค่าย ๆ อื่น แต่เรื่องสมรรถนะของช่วงล่างของ Mitsubishi เองก็อยู่ในระดับท็อป เป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้กับความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเป็นรุ่นท็อปก็จะอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย และ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อด้วย ซึ่งในรุ่นนี้จะสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 10.7 วินาที และ ในอัตราเร่งแซงจาก 80-120 กม./ชม. จะอยู่ที่เวลา 7.75 วินาที ส่วน Top Speed ก็จะอยู่ที่ 190 ไม่เกิน 200 กิโลเมตร
ราคา เริ่มต้นอยู่ที่ 535,000-1,156,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
อันดับ 4 All New Isuzu D-Max 3.0 Diesel Turbo
- ส่วนอันดับ 4 คันนี้จะมากับเครื่องยนต์รุ่นดังรหัส 4JJ3-TCX แบบ 4 สูบดีเซลเทอร์โบขนาด 3.0 ลิตร ใช้ระบบอัดอากาศแบบ Turbo VGS ซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้จะมากับพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า โดยทำงานที่ 3,600 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่เริ่มทำงานตั้งแต่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา กับ เกียร์อัตโนมัติ และ ทั้งแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และ 2 ล้อ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 9.67 วินาที กับ อัตราการเร่งแซงที่ 80-120 กม./ชม. 7.95 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 185 กม./ชม. ที่มาพร้อมกับระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น กับระบบกันสะเทือนด้านหลังสุดแข็งแกร่ง ช่วยให้รถยนต์คันนี้ออกตัวด้วยแรงบิดมหาศาลได้โดยไม่เสียการควบคุม และ ถึงแม้เครื่องยนต์ตัวนี้จะไม่ใช้เครื่องยนต์ที่แรงที่สุดมาตั้งแต่ในโรงงาน แต่ถ้าเรื่องของการนำมา Modify แล้ว เครื่องยนต์ตัวนี้ยังคงยืนหนึ่งในวงการรถแข่งดีเซลของไทย
ราคา เริ่มต้นอยู่ที่ 545,000-1,172,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
อันดับ 3 Nissan Navara Pro 4 X
- สำหรับอันดับ 3 จะเป็นของ Nissan Navara ที่ได้ปรับโฉมครั้งใหญ่ในรอบหลายปีเลย ซึ่งการปรับโฉมครั้งนี้ก็มากับขุมพลังตัวใหม่ ที่พารถยนต์คันนี้ทะยานขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ในปัจจุบันได้ในที่สุด ซึ่งรถยนต์คันนี้จะมากับเครื่องยนต์ตัวใหม่แบบ 4 สูบดีเซลทวินเทอร์โบ ขนาด 2.3 ลิตร รหัส YS23DDTT ใช้ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบคู่ สามารถเรียกพละกำลังสูงสุดได้ 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที กับ แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ทำงานตั้งแต่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ซึ่งมาไวกว่า Isuzu D-Max โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ประมาณ 10 วินาที แต่จะมีความเร็วสูงสุดที่สูงกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขในช่วงความเร็วต้น ในอันดับ 4 จะเร็วกว่า แต่พอมาวัดจากความเร็วต้นไปถึงความเร็วปลายจริง ๆ รถยนต์คันนี้ก็สามารถเร่งขึ้นไปแซง Isuzu D-Max ในช่วงความเร็วสูงได้แทน ซึ่งนั่นก็เพราะด้วยความที่รถยนต์คันนี้มากับระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบคู่นั่นเอง กับด้วยความที่เครื่องยนต์มีขนาดเพียง 2.3 ลิตรนั้น ก็สามารถทำรอบได้เร็วกว่าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่นั่นเอง แถมยังทำให้น้ำหนักของตัวรถนั้นเบากว่าใครเพื่อนอีกด้วย และ ที่สำคัญเลยรถยนต์คันนี้ยังสามารถทำแรงม้าต่อลิตรได้มากกว่ารุ่นอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งจะเป็นลองแค่ Ford Ranger เท่านั้น สำหรับในเรื่องนี้ แต่เรื่องความแรงก็ยังแพ้รุ่นถัดไปอยู่ดี
ราคา เริ่มต้นอยู่ที่ 535,000-1,149,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
อันดับ 2 Toyota Hilux Revo GR Sport
- ในที่สุดก็มาถึงอันดับ 2 แล้ว ก็จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากรถกระบะสุดจี๊ดจาก Toyota อย่าง Hilux Revo ที่มากับขุมพลังตัวแรง แบบ 4 สูบดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.8 ลิตร ที่มากับระบบอัดอากาศแบบ VN-Turbo ที่รีดพละกำลังออกมาได้ถึง 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที กับแรงบิดมหาศาลที่มีมากถึง 500 นิวตันเมตร ซึ่งทำงานตั้งแต่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 10.15 วินาที กับ อัตราเร่งแซงจาก 80-120 กม./ชม. เพียง 5.7 วินาทีเท่านั้น กับ Top Speed ที่ทะละ 200 กม./ชม. และ สามารถทำเวลาไปถึง Top Speed ได้เร็วมาก ๆ และ ยิ่งในรุ่น GR Sport ที่ได้รับการพัฒนาช่วงล่างใหม่ด้วยนั้น ยิ่งทำให้รถยนต์คันนี้ได้สมรรถนี้กับควบคุมที่ดีมากขึ้นบนความเร็วปลายด้วย จึงทำให้รถยนต์คันนี้กลายเป็นรถกระบะที่แรงเป็นอันดับ 2 ของตลาดรถกระบะในประเทศไทย
ราคา เริ่มต้นอยู่ที่ 528,000-1,299,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
อันดับ 1 Ford Ranger Next Generation 2.0 Bi-Turbo
- และ ในที่สุดก็มาถึงรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลที่แรงที่สุดในประเทศไทยกันแล้ว ซึ่งถ้าเป็นในปีก่อนเราก็คงจะยกให้กับรุ่น Raptor X จาก Ford แต่พอมาปีนี้ Ford Raptor Generation ใหม่นั้นได้เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์เบนซินแล้ว ตำแหน่งนี้จึงตกเป็นของรุ่นใดก็ตามที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 Bi-Turbo ที่เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบดีเซลแบบเทอร์โบคู่ ที่มากับพละกำลัง 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที กับ แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ทำงานตั้งแต่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที ซึ่งรถยนต์คันนี้เป็นเพียงคันเดียวที่มากับเครื่องยนต์ที่มีขนาดเพียง 2.0 ลิตรเท่านั้น แต่กลับสามารถสร้างพละกำลังได้สูงมากกว่าใคร ทั้งในเรื่องของแรงม้าและแรงบิดออกมาได้มากกว่าในรุ่นอื่น ๆ แถมยังสามารถทำแรงม้า ต่อลิตร ได้มากที่สุด และ ห่างจากอันดับ 2 และ 3 ถึง 40 แรงม้า มาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ช่วยสร้างอัตรารอบให้ตัวรถนั้นดูนุ่มนวล ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว กำลังขับด้วยความเร็วสูงก็ตาม และ อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้รถยนต์คันนี้เป็นอันดับหนึ่งเรื่องความแรงคือเรื่องของสมรรถนะช่วงล่าง ที่มากับระบบกันสะเทือนสุดแกร่งที่มีสมรรถนะเหนือกว่ารถกระบะทุกคันในตลาดประเทศไทย
ราคา เริ่มต้นอยู่ที่ 554,000-1,299,000 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม
สรุป
เป็นยังไงกันบ้างครับ สำหรับ 5 อันดับรถกระบะเครื่องยนต์ดีเซลที่แรงที่สุด ในประเทศไทยในปี 2022 ที่เราได้นำมาฝากในวันนี้ นั้นมีรุ่นไหนที่เกินความคาดหมายของท่านผู้ชมไปบ้างรึป่าว อย่างเช่นว่า BT-50 หายไปไหน ทำไมถึงหลุดจาก 5 อันดับ ความจริงแล้วก็ไม่ได้หลุดไปไหน แต่ถ้าหากท่านใดที่ติดตามเรื่องราวของรถยนต์ ต่างจะทราบกันดีว่า Mazda BT-50 นั้น มีมาตรฐาน และ ใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกับ Isuzu D-Max ดังนั้นเราจึงหยิบรุ่นที่เป็นต้นทางมาพูดถึงกันเลย หรือ ถ้าจะนำมาจัดอันดับจริง ๆ ก็จะจัดอยู่ในอันดับเดียวกันกับ Isuzu D-Max นั่นเอง และ สุดท้ายก่อนลาจากกันในครั้งนี้ ผมและทีมงาน mywonderwheel หวังว่าบทความครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านได้ทุกท่านนะครับ ขอบคุณครับ