เปิดตำนานนักเลง 3 เกียร์ Mitsubishi Evolution ราชันย์ทางฝุ่นผู้โด่งดังจากแดนอาทิตย์อุทัย

ถ้าพูดถึงผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Mitsubishi ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ในสมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปในสมัยสัก 20 ปีก่อน มีรถของ Mitsubishi อยู่หนึ่งรุ่นที่ปัจจุบัน เป็นตำนานที่หายไปจากสายการผลิตมาเกือบ 10 ปี แล้ว ในวันนี้เราจะพาทุกท่านไป เปิดตำนานนักเลง 3 เกียร์ Mitsubishi Lancer Evolution ราชันย์ทางฝุ่นผู้โด่งดังจากแดนอาทิตย์อุทัย คันนี้กันครับ ที่เราจะพาทุกท่านไปดูกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นของคำว่า Evolution กันว่ามีที่มาที่ไปตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมถึงกลายมาเป็นตำนานได้ในปัจจุบัน และ รวมถึง Mitsubishi Lancer Evolution ทั้งหมดที่มีมากกว่า 10 Generation นั้นจะมีสิ่งที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง แล้วทำไมปัจจุบันถึงหายไป สำหรับใครที่เป็นสายอีโวนั้นก็ต้องห้ามพลาดเลย 

ต้นกำเนิดของ Mitsubishi Lancer Evolution

หากจะเล่าถึงต้นกำเนิดของ Mitsubishi Lancer Evolution ก็คงต้องย้อนกลับไปในยุคเริ่มต้นที่ผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ นั้น ต่างใช้วิธีการโชว์ประสิทธิภาพรถยนต์ของตัวเองด้วยการลงแข่งขันในรายการต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งรายการที่ Mitsubishi เลือกนั้นก็คือการแข่งขันแบบ Rally สุดโหดที่ขึ้นชื่อว่าทรหดที่สุดในโลกนั่นเอง โดยใช้รถ Lancer 1600 GSR ในปี 1973 ที่ขับโดย Andrew Cowan โดยเข้าพารถคันนี้เข้าเส้นชัยไปได้ถึง 5 สนาม และ เป็นคนเดียวกับผู้ก่อตั้งทีม Ralli Art ของ Mitsubishi ด้วย ซึ่งในปีต่อมาทางผู้จัดการแข่งขันก็ให้นำระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเข้ามาใช้ แต่ Lancer EX 2000 ก็ไม่สามารถเอาชนะ Audi Quartto ได้ จน Mitsubishi ต้องสร้างรถคันใหม่คือมาเอาชนะด้วย Mitsubishi Galant VR4 แต่ด้วยความยากของสนามที่มีมากขึ้นจึงทำให้รถคันนี้โลดแล่นได้ไม่นาน เพราะขนาดของตัวรถนั้นใหญ่และยาวเกินไป จนทำให้ Mitsubishi กลับมาใช้บอดี้ Lancer ที่มีขนาดเล็กเช่นเดิม แต่ยัดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ VR4 , ช่วงล่างแบบรถแข่ง , เทอร์โบ , อินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ และ ชุด Aero Part เข้าไป แล้วเรียกกันว่า Lancer Evolution หรือ แปลว่า Lancer ที่พัฒนาแล้ว จนทำให้ขายดิบขายดีจน Mitsubishi นั้นเล่นใหญ่มาจนถึงปัจจุบันอย่างที่เราเห็น  

Mitsubishi Lancer Evolution มีรุ่นอะไรบ้าง 

1. Mitsubishi Lancer Evolution I เปิดตัวออกมาในปี 1992-1994 โดยจะเป็นการนำ Lancer Generation ที่ 6 หรือ ที่รู้จักกันในรุ่น E-Car ของบ้านเราภายใต้รหัสตัวถัง CD9A มาอัพเกรดให้เป็นรถแข่ง โดยการวางเครื่องยนต์ 4 สูบเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตรเข้าไป ภายใต้รหัสเครื่องยนต์ 4G63 ที่เป็นต้นแบบของ Evo ทุกรุ่น พร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ VR-4 ของรุ่น Galant จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีดแบบรถแข่ง สามารถรีดพละกำลังได้ 244 แรงม้า กับ แรงบิด 309 นิวตันเมตร สามารถทำ Top Speed สูงสุดได้ที่ความเร็ว 228 KM/H 

2. Mitsubishi Lancer Evolution II เปิดตัวออกมาในปี 1994-1995 โดยนำพื้นฐานของ Generation แรก มาปรับปรุงอีกขั้น โดยหลัก ๆ เลยก็คือการปรับ Weight Balance ให้ตัวรถมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มความยาวตัวถังออกมาอีก 10 มิลลิเมตร พร้อมใส่ชุด Aero Part ตัวใหม่เข้าไปพร้อมเปลี่ยนชื่อรหัสตัวถังเป็น CE9A และปรับจูนเครื่องยนต์ให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 252 แรงม้า 

3. Mitsubishi Lancer Evolution III วางจำหน่ายในปี 1995-1996 จะปรับให้ตัวรถมีดีไซน์ที่สปอร์ตดุดันมากขึ้น โดยจะมีชุดแต่งรอบคันดีไซน์ใหม่ใส่เข้ามาให้ เพื่อช่วยเสริม Aerodynamic ให้กับตัวรถมากขึ้นด้วย โดยจะเปลี่ยนชื่อรหัสตัวถังเป็น CE9A ส่วนขุมพลังก็จะเป็นเครื่องยนต์ 4G63 ตัวเดิมแต่เปลี่ยนเทอร์โบใหม่ ทำให้ได้พละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 270 แรงม้า 

4. Mitsubishi Lancer Evolution IV ผลิตมาในปี 1996-1998 ที่มากับตัวถัง Generation ใหม่ภายใต้รหัส CN9A ที่เรียกกันว่า Lancer ท้ายเบนซ์ กับชุดหน้าที่มากับไฟตัดหมอกขนาดใหญ่ ที่บ้านเราชอบเรียกหยาบ ๆ กันว่า อีโวหน้าชามข้าว ซึ่งจากการเปลี่ยนตัวถังในครั้งนี้ทำให้ได้ Weight Balance ที่ดีมากขึ้นช่วยลดอาการ Torque Steer หรือ หน้าส่ายได้มาก ส่วนเครื่องยนต์ 4G63 ก็ได้มีการเปลี่ยนไปใช้เทอร์โบคู่ ที่มาพร้อมกับพละกำลัง 276 แรงม้า กับ แรงบิดที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 330 นิวตันเมตร พร้อมกับเพิ่มระบบ Active Yaw Control เข้ามาซึ่งเป็นการช่วยควบคุมแรงบิดลงสู่ล้อช่วยให้มีสมรรถนะในการขับขี่บนความเร็วสูงได้ดีมากขึ้น 

5. Mitsubishi Lancer Evolution V สำหรับในรุ่นนี้ผลิตออกมาจำหน่ายในปี 1998-1999 ที่มากับเครื่องยนต์ 4G63 Twin Turbo ตัวเดิม แต่จะเปลี่ยนชุด Body Part ใหม่ทั้งคัน โดยหลัก ๆ ก็จะเพิ่มโป่งซุ้มล้อเข้ามา กับ เปลี่ยน Spoiler เป็นแบบอลูมินั่มที่สามารถปรับองศาการรับลมได้ เพิ่มระยะห่างของฐานล้อ 10 มิลลิเมตร และ ใส่เบรคจาก Brembo มาให้ ทำให้รถยนต์คันนี้เป็นม้ามืดที่คว้าชัยในการแข่งขัน WRC ในปีนั้นไปได้แบบไม่มีใครคาดถึง 

6. Mitsubishi Lancer Evolution VI ผลิตจำหน่ายในปี 1999-2001 จะมากับรหัสตัวถัง CP9A แบบเดียวกับ อีโว 5 ที่ปรับชุดไฟตัดหมอกให้มีขนาดเล็กลงมาเพียงเท่านั้น เพราะหลัก ๆ ในรุ่นนี้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเครื่องยนต์มากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของระบบระบายอากาศ โดยทำการใช้อินเตอร์คูลเลอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และ เป็นรถคันแรกที่เปลี่ยนใบพัดเทอร์โบมาเป็นแบบ Titanium-Aluminide โดยที่ไม่ได้ทำการปรับจูนแรงม้าเพิ่มแต่อย่างใด แต่จะได้แรงบิดที่เพิ่มมาเป็น 373 นิวตันเมตรแทน ซึ่งความฮิตของรุ่นนี้นั้นขายดีจนต้องทำรุ่นย่อยออกมาเพิ่มกันเป็นรอบ 2 เลยครับ โดยจะปรับให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาลง แต่มีแรงม้าที่เพิ่มขึ้นเป็น 330 แรงม้าเลย เช่น รุ่นที่มีรหัสต่อท้ายว่า GSR , RS Sprint และ RS Ralli Art 

7. Mitsubishi Lancer Evolution 6.5 สำหรับรถคันนี้เป็นผลมากจากความฮอตฮิตและความสุดยอดของ อีโว 6 ที่ทำให้ Tommi Makinen เพิ่มขึ้นมาเพื่อนักแข่งเป็นเกียรติให้กับนักแข่งของทีม ที่สร้างชื่อให้มิทซูบิชิจากการคว้าชัยในรายการ WRC ด้วย Lancer Evolution โดยรถคันนี้จะใช้ชุดแต่ง Ralli Art รุ่นพิเศษรอบคันที่ถอดแบบออกมาจากรถของ ทอมมี่ เลย จนคนนั้นเรียกกันว่าเป็น Evo 6.5 นั่นเอง 

8. Mitsubishi Lancer Evolution VII ถูกจำหน่ายในปี 2001-2003 ที่ได้มีการปรับพื้นฐานมาใช้โครงสร้างตัวถังของ Lancer Cedia ในรหัส CT9A กับขุมพลัง 4G63 รุ่นเดิม โดยมีการปรับจูนใหม่ให้ตัวรถนั้นมีแรงบิดที่ดีมากขึ้นที่ 385 นิวตันเมตร พร้อมเพิ่มระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดเข้ามาให้ ที่ตัวเกียร์จะมีระบบจดจำน้ำหนักการขับขี่ของผู้ใช้ และ ตัวเกียร์ยังมาพร้อมกับระบบ Manual แบบ +/- แต่ก็ยังไม่ใช่ Paddle Shift แต่ในรุ่นนี้ก็มีข้อเสียในเรื่องของ Handling ทำให้ต้องเจอปัญหาในการแข่งขัน แต่ไม่นานมันก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่ในหนังรถซิ่งสุดโด่งดัง อย่าง 2 Fast 2 Furious ที่ทำให้เราได้เห็นถึงความหล่อเหลาของรถคันนี้เมื่อนำไปแต่งเป็นรถซิ่ง  

9. Mitsubishi Lancer Evolution VIII คือรุ่นที่ฮอตฮิตที่สุดรุ่นหนึ่งของ อีโว เลยก็ว่าได้ ถูกผลิดมาในปี 2003-2005 โดยในรุ่นนี้จะมีให้เลือกมากถึง 4 รุ่นย่อย ตั้งแต่ GSR , RS ,SSL และ MR ขวัญใจขาซิ่ง ซุ่งทั้ง 4 รุ่น ก็จะมีเพียง 2 รุ่นที่เพิ่มเข้ามาคือ SSL ที่จะปรับให้เป็นรถหรูมากขึ้น กับรุ่น MR ที่ทำออกมาเพื่อเป็นรถแข่ง หรือ เปรียบเสมือนรหัสตัวแรง โดยมากับ พละกำลัง 280 แรงม้า พร้อมกับชุดแต่งรอบคันอีกมากมาย จนกลายเป็นรุ่นที่นิยมที่สุดในตระกูลของ Evo 

10. Mitsubishi Lancer Evolution IX หรือ อีโว 9 ถูกผลิตและวางจำหน่ายในปี 2003-2007 ที่มากับเครื่องยนต์ 4G63 เบนซินเทอร์โบเช่นเคยแต่จะมีการเพิ่มระบบ วาล์มแปรผันแบบ MIVEC เข้ามา ช่วยให้รีดพละกำลังได้ดีมากขึ้นเป็น 287 แรงม้า กับ แรงบิดอีก 392 นิวตันเมตร 

11. Mitsubishi Lancer Evolution IX Wagon คือ อีโว 9 รุ่นพิเศษขวัญใจพ่อบ้าขาซิ่งที่ผลิตออกมาในโฉม Wagon เพียง 2,500 คัน เท่านั้น 

12. Mitsubishi Lancer Evolution X เป็นมิทซูบิชิ อีโว เจนเนอเรชั่นสุดท้าย ที่ผลิตออกมาในปี  2007-2016 ที่มากับตัวถังใหม่แบบ CZ4A กับ เครื่องยนต์ตัวใหม่แบบ 4 สูบเบนซินเทอร์โบชาร์จขนาด 2.0 ลิตร รหัส 4B11T พละกำลัง 276 แรงม้า กับ แรงบิด 360 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ Super All Wheel Control เกียร์อัตโนมัติแบบ Dual Clutch พร้อมระบบ Paddle Shift เรียกได้ว่าเป็น Evo รุ่นที่อัจฉริยะที่สุด ซึ่งคันสุดท้ายหรือรุ่น Final Edition ก็ออกมาเมื่อปี 2016 แล้วก็ปิดตำนานไปตั้งแต่นั้นมาจนปัจจุบัน

สรุป

ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ นั้นที่ทางผู้ผลิตอย่าง Mitsubishi นั้นไม่จัดทำรถสปอร์ตตัวแรงอย่าง Evolution ออกมาในปัจจุบันก็อาจจะเป็นเพราะ มีการเข้ามารวมกลุ่มกันของ 3 บริษัท ที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของ Renualt Nissan Mitsubishi ที่จะไม่สามารถที่จะสร้างรถมาทับไลน์กันได้ เพราะเขาได้ตกลงกันเอาไว้แล้วว่า Nissan จะเป็นผู้ผลิตรถเก๋ง และ รถสปอร์ต Mitsubishi จะไปเน้นที่รถ Eco Car และ รถ SUV Crossover จึงทำให้รถที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Godzilla Killer อย่าง Evolution นั้น จะกลับมาเพื่อขยี้ GT-R อีกครั้ง Nissan คงไม่ยอมแน่ ๆ 

และก่อนลาจากกันในครั้งนี้ ถ้าหากท่านใดที่ชื่นชอบ บทความ เปิดตำนานนักเลง 3 เกียร์ Mitsubishi Lancer Evolution ราชันย์ทางฝุ่นผู้โด่งดังจากแดนอาทิตย์อุทัย เรื่องนี้ สามารถติดตามผลงานทั้งหมดของเราได้ที่ mywonderwheel ด้านนี้เลย สวัสดีครับ 

เครดิต : สล็อตเว็บตรง