หลังจากที่เราได้นำเสนอบทความของ Ferrari Monza SP1 แบบหนึ่งที่นั่งไปแล้วจากบทความครั้งก่อน ซึ่งในครั้งนี้ก็มาถึงคิวของ Ferrari Monza SP2 รถสปอร์ตสมรรถนะสูง 2 ที่นั่ง รุ่นพิเศษคุณสมบัติเดียวกับรถแข่ง ที่นักสะสมไม่ควรพลาด คันนี้ ที่ถูกเปิดตัวออกมาพร้อมกัน แต่คันนี้จะมาในรูปแบบ 2 ที่นั่งแทน และถึงแม้จะไม่ได้รางวัลเหมือนกับในรุ่น SP 1 แต่รถยนต์คันนี้ก็เป็นรถที่ถูกสร้างมาจากพื้นฐานของรถแข่งในสมัยก่อนเช่นเดียวกัน โดยนำมาปรับรูปร่างหน้าตาให้เป็นรถสมัยใหม่มากขึ้นเหมือนกัน และ มาพร้อมกับขุมพลัง V12 วางหน้าแบบเดียวกัน ซึ่งนอกจากนี้ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะมากมาย ตั้งแต่ในเรื่องของเทคโนโลยีจัดการอากาศที่จะช่วยให้ผู้โดยสารไม่ต้องรับกับแรงปะทะจากลมมากจนเกินไป โดยเฉพาะในเวลาที่ใช้ความเร็วก็ไม่รู้สึกเหนื่อยจากแรงลมจนเกินไป อีกทั้งระบบช่วงล่างและเบรกที่สามารถปรับรูปแบบการทำงานได้ด้วยระบบไฟฟ้า จึงเป็นอีกหนึ่งของเล่นของนักสะสมที่ร้อนแรงไม่แพ้กับรุ่น 1 ที่นั่งเลย เพราะอย่างน้อยรถยนต์คันนี้ก็พาผู้โดยสารไปร่วมสนุกได้เป็นเพื่อนอีกหนึ่งคน ส่วนในวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปรับชมในรายละเอียดทั้งหมดของรถยนต์คันนี้กันครับ
ดีไซน์ภายนอกรถยนต์ : Ferrari Monza SP2
Exterior:ภายนอกของรถยนต์
- ส่วนแรกเรามาดูในดีไซน์การออกแบบของรถยนต์คันนี้กัน โดยรถยนต์คันนี้จะมาในสไตล์รถแข่งสมัยก่อนที่เปิดหลังคาโล่ง และ ไม่มีกระจกหน้า เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับพื้นสนามแข่งมากที่สุด ใช้ประตูแบบปีกนกเปิดยกขึ้นสามารถเข้าออกรถได้อย่างสะดวก ซึ่งในรุ่นนี้ก็จะมากับพื้นฐานและมีรูปร่างหน้าตาแบบเดียวกับในรุ่น Monza SP 1 ตั้งแต่กันชนรอบคัน ไปจนถึงไฟหน้าไฟท้ายแบบ Full LED Light Gildingโดยจะต่างกันเพียงในรุ่นนี้จะไม่ปิดในส่วนของพื้นที่ห้องโดยสารแล้วใส่เป็นเบาะนั่งผู้โดยสารด้านข้างเข้ามาเพิ่มเพื่อให้ผู้ขับขี่มีเพื่อนร่วมทางที่จะสนุกไปด้วยกันได้ และ ด้วยความที่มากับรูปร่างหน้าตาแบบรถสมัยใหม่จึงทำให้รถคันนี้ดูสวยงามทุกมุมมอง แถมชุดแต่งโดยรอบที่มีน้ำหนักเบากับรูปทรงของรถที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันนี้ยังช่วยให้รถไหลผ่านอากาศได้ดีมาก ๆ แทบจะไม่มีส่วนไหนที่จะดูต้านอากาศให้เห็นเลยนอกจกเบาะนั่งของเราที่ดูด้วยตาแล้วเหมือนว่าทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารคงจะต้องเจอกับแรงปะทะเต็ม ๆ แน่ แต่ความจริงแล้วไม่เลยด้วยเทคโนโลยีการจัดการอากาศของเฟอรารี่ ที่ออกแบบให้รถคันนี้ส่งอากาศออกไปด้านข้างโดยที่ไม่สามารถเข้าไปยังห้องโดยสารได้
- มีล้อแม็กซ์ Forged ดีไซน์ใหม่ ขนาด 21 นิ้ว
- มาพร้อมกับยาง Pirelli รุ่น P Zero
- มียางหน้าขนาด 275/35 ZR21
- มียางหลังขนาด 315/35 ZR21
Dimension:มิติตัวถังรถ
- มีความยาวทั้งหมด 4,657 มิลลิเมตร
- มีความกว้างทังหมด 1,996 มิลลิเมตร
- มีความสูงทั้งหมด 1,155 มิลลิเมตร
- มีระยะฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร
- มีความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุด 100 มิลลิเมตร
- มีน้ำหนักตัวถังทั้งหมด 1,500 กิโลกรัม
- มีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักอยู่ที่ 50 : 50
- มีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด 90 ลิตร
ดีไซน์ภายในรถยนต์ : Ferrari Monza SP2
Interior:ภายในรถยนต์
- การออกแบบภายในห้องโดยสารของรถยนต์คันนี้ก็จะมาในสีทูโทนเช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถเลือกสีตกแต่งได้อย่างอิสระ โดยจะใช้วัสดุด้านในเป็นหนังแบบ Nappa ตัดกับชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ได้อย่างสวยงามลงตัว แถมยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ใส่เข้ามาให้แบบครบครัน ตั้งแต่ชุดหน้าจอมาตรวัดแบบดิจิตอล ที่สามารถแสดงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนครบถ้วน ตัวพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นเองก็ใช้เป็นแบบรถแข่งที่เต็มไปด้วยปุ่มเซ็ทระบบต่าง ๆ มากมายบนพวงมาลัย และ รวมไปถึงตำแหน่งของสวิตซ์ควบคุมในแต่ละส่วนที่จะออกแบบให้มีทิศทางหันเข้าหาคนขับเท่านั้น เพื่อความสะดวกสูงสุดกับผู้ขับขี่
- สำหรับในรุ่นนี้จะมากับเบาะนั่งสไตล์รถแข่งแบบ Full Bucket Seat หุ้มด้วยหนังทั้งหมด 2 ที่นั่ง โดยจะถูกขั้นกลางดูโครงสร้างตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งในรุ่นนี้เองก็จะยังไม่ใส่ระบบ Entertain มาให้เช่นเคย เพราะด้วยความที่ต้องการน้ำหนักเบา และ เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับรถเปิดประทุนที่จะได้ยินแต่เสียงเครื่องยนต์แบบคันนี้ แต่ในส่วนอื่น ๆ ก็ยังใส่เข้ามาให้เช่นเคยตั้งแต่ระบบนำทาง ไปจนถึงระบบจ่ายไฟสำรองก็ใส่เข้ามาให้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานด้วยเช่นกัน
เครื่องยนต์รถยนต์ : Ferrari Monza SP2
Engine:เครื่องยนต์
- สำหรับในรุ่นนี้จะมากับเครื่องยนต์วางหน้าแบบเดียวกับในรุ่น SP1 เป็นเครื่อง V12 เบนซิน N/A ขนาด 6.5 ลิตร 6,496 ซีซี รหัส F140 GC V12 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดแบบพิเศษแรงดันสูง โดยใช้ตัวกรองน้ำมันแบบ GPF ระบายความร้อนด้วยน้ำ ใช้ลูกสูบขนาด 94 มิลลิเมตร กับ ระยะช่วงชัก 78 มิลลิเมตร ในอัตราส่วนกำลังอัด 13.6 : 1 สามารถเรียกพละกำลังสูงสุดได้ 810 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที กับ แรงบิดสูงสุดที่ 719 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบต่อนาที ใช้ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ Dual Clutch 7 สปีด ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง รองรับน้ำมันเบนซิน 95 เท่านั้น ส่วนตัวเลขสมรรถนะที่รถยนต์คันนี้ทำได้ มีดังนี้
- สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 2.9 วินาที
- สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.8 วินาที
- มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 5 รูปแบบ
- โหมด Comfort
- โหมด Rain
- โหมด Sport
- โหมด Track
- โหมด Custom
ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ : Ferrari Monza SP2
- สำหรับระบบความปลอดภัยของรถยนต์คันนี้ ในเรื่องของโครงสร้างตัวถังก็จะใช้เป็นแบบ Mono Clock Full Carbo Fibre ที่เพิ่มคานกลางเข้ามาเหมือนกับในรุ่น SP 1 ซึ่งในรุ่นนี้คานตัวนี้ก็จะเป็นตัวขั้นกลางระหว่างเบาะนั่งทั้ง 2 ซึ่ง Ferari นั้นไม่ได้อยากแยกผู้ขับขี่กับผู้โดยสารออกจากกันแต่อย่างใด แต่นั่นก็เพราะว่าคานกลางในรูปแบบนี้จะช่วยให้ตัวรถมีการควบคุมที่ดีมากขึ้น โดยเฉพาะการเข้าโค้งบนความเร็วสูง หรือ เวลาเกิดอุบัติเหตุคานตัวนี้ก็จะช่วยดูดซับแรงกระแทก และ ช่วยไม่ให้ตัวถังรถบิดตัวได้นั่นเอง
สรุปรถยนต์ : Ferrari Monza SP2
สำหรับรถยนต์คันนี้ก็เป็นรุ่นพิเศษคันที่ 2 ใน Segment ใหม่ของ Ferrari อย่างคลาส Icona จัดได้ว่าเป็นรุ่นพิเศษอีกหนึ่งรุ่นที่ผลิตออกมาเพื่อต้องสนองความต้องการของกลุ่มนักสะสมที่หลงไหลในรถแข่ง และ อยากจะมีรถแข่งไว้ในครอบครองสักคัน แถมในรุ่นนี้ยังเป็นรถแข่งที่มาในรูปแบบ 2 ที่นั่งที่สามารถพาเพื่อนรู้ใจไปร่วมสนุกด้วยกันได้ และ ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ถูกผลิตออกมาวางจำหน่ายในจำนวนน้อยนิดเพียงแค่ 499 คันเท่านั้น
รถยนต์ Ferrari Monza SP2 สามารถเลือกสีตัวถังได้อย่างอิสระ
รถยนต์ Ferrari Monza SP2 มีสีให้เลือกมากกว่า 300 สี
ราคารถยนต์ : Ferrari Monza SP2
รถยนต์ Ferrari Monza SP2 ราคา 62,000,000 บาท (ไม่รวมภาษี)
Link ซื้อรถยนต์ : Ferrari Monza SP2
สำหรับรถยนต์ในรูปแบบนี้ ถ้าหากเป็นเหล่าสาวกของ Ferrari ได้มาเห็นเมื่อไรก็เป็นต้องชวนให้หลงไหล เพราะได้นำความงดงามในอดีตเข้ามาผสมกับความสวยงามล้ำสมัยของรถในปัจจุบันได้อย่างลงตัว จึงทำให้ Ferrari Monza SP2 รถสปอร์ตสมรรถนะสูง 2 ที่นั่ง รุ่นพิเศษคุณสมบัติเดียวกับรถแข่ง ที่นักสะสมไม่ควรพลาด คันนี้ ถูกเหล่านักสะสมคว้าไปเต็มจำนวนกันตั้งแต่ในวันเปิดตัว เพราะรถยนต์คันนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่นิยมซื้อเป็น Investor Car หรือ รถที่ใช้สำหรับการลงทุนด้วยเช่นกัน เพราะด้วยความที่ผลิตออกมาหน่อย และ ไม่รู้ว่าจะมีรถยนต์ในรูปแบบนี้จาก Ferrari มาอีกเมื่อไร จึงทำให้รถคันนี้ตกเป็นของหายากไปตั้งแต่หลังเปิดตัวเลย