สำหรับแบรนด์รถยนต์ Ferrari ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่อยู่ในประวัติศาสตร์ของวงการรถยนต์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ในยุคเริ่มต้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีรถรุ่นพิเศษในจำนวนจำกัดออกมามากมายหลายรุ่น จนเป็นที่หลงไหลของเหล่าบรรดานักสะสมทั่วโลก ซึ่ง Ferrari Monza SP1 รถยนต์ Sport Car หนึ่งที่นั่ง รุ่นพิเศษจากคลาส Icona ที่ขึ้นไปคว้ารางวัล Compasso d’Oro ในปี 2020 คันนี้เองก็เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ถูกผลิตออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของเหล่านักสะสม ที่ชอบลงทุนกับรถไปสะสมไว้ ทั้งด้วยความชอบ หรือ การจะนำไปเป็น Investor Car ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้ซื้อ แต่ส่วนมาจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า เพราะรถยนต์แบบนี้ซื้อไปวันนี้เดือนหน้า ปีหน้า ก็ราคาขึ้นตามไปแล้ว และ ยิ่งเป็นรถยนต์ที่กวาดรางวัลแห่งประวัติศาสตร์ที่ขึ้นชื่อว่าขลังที่สุดในวงการรถยนต์แบบนี้ด้วยแล้ว มีหรือว่านักสะสมหรือนักลงทุนนั้นจะพลาดกัน ถ้าอย่างนั้นเราอย่ารอช้าไปชมในรายละเอียดทั้งหมดของรถยนต์คันนี้ไปพร้อม ๆ กันเลยครับ
ดีไซน์ภายนอกรถยนต์ : Ferrari Monza SP1
Exterior:ภายนอกของรถยนต์
- จะเป็นในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ในรุ่นนี้กลับมาในแนวรถแข่งแบบย้อนยุค ที่ขับคนเดียวโดยเปิดหลังคาและไม่มีกระจกหน้า ซึ่งผสมผสานกับรูปร่างหน้าตาสมัยใหม่ ได้มาสวยงามโดนใจ เข้าตาคณะกรรมการจนคว้ารางวัล Compasso d’Oro ซึ่งเป็นคันที่ 3 ของแบรนด์ที่ได้รับรางวัลนี้ ต่อจากรุ่น F12 Berlineta และ FXX K และ สาเหตุที่กรรมการทั้งหมดเลือก Monza SP1 ก็การที่ “รถยนต์คันนี้ได้แสดงให้เห็นถึงตัวตนของรถแห่งอนาคต และ สามารถดึงเอารูปแบบความทรงจำที่ล้ำค่าออกมาใช้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ โดยปราศจากกลิ่นไอของความวินเทจ” ซึ่งก็ดูเหมาะสมกับรางวัลและคำชื่นชมจากกรรมการจริง ๆ โดยจะมากับชุดไฟหน้า ไฟท้ายแบบ Full LED มีฝากระโปรงหน้าที่รวมเป็นชุดเดียวกับซุ้มล้อ และ กันชนด้านหน้า จึงทำให้สามารถเปิดยกขึ้นมาได้ทั้งชุด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถแข่งในสมัยก่อนที่นิยมใช้มาจนปัจจุบัน
- มีล้อแม็กซ์ Forged ดีไซน์ใหม่ ขนาด 21 นิ้ว สามารถเลือกสีได้
- มาพร้อมกับยาง Pirelli รุ่น P Zero
- มียางหน้าขนาด 275/35 ZR21 หน้ายางกว้าง 9 นิ้ว
- มียางหลังขนาด 315/35 ZR21 หน้ายางกว้าง 11 นิ้ว
Dimension:มิติตัวถังรถ
- มีความยาวทั้งหมดขนาด 4,657 มิลลิเมตร
- มีความกว้างทังหมด 1,996 มิลลิเมตร
- มีความสูงทั้งหมด 1,155 มิลลิเมตร
- มีระยะฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร
- มีความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุด 100 มิลลิเมตร
- มีน้ำหนักตัวถังทั้งหมด 1,500 กิโลกรัม
- มีอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักอยู่ที่ 50 : 50
- มีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด 90 ลิตร
ดีไซน์ภายในรถยนต์ : Ferrari Monza SP1
Interior:ภายในรถยนต์
- ส่วนดีไซน์การออกแบบของรถยนต์คันนี้ ถึงจะเป็นรถยนต์หนึ่งที่นั่งก็ยังมากับรูปร่างหน้าตาด้านแบบสวยงามล้ำสมัยอยู่ดู โดยจะมาในแบบสีทูโทน ที่สามารถเลือกสีได้อย่างอิสระ ซึ่งจะใช้หนังเป็นวัสดุหุ้มเกือบทั้งหมด ซึ่งตัดกับชิ้นส่วนภายในที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ได้อย่างสวยงาม ส่วนพวงมาลัยและหน้าจอมาตรวัดก็จะใช้อุปกรณ์สมัยใหม่แบบเดียวกับรถยนต์ของ Ferrari ในปัจจุบัน โดยจะเป็นหน้าจอแบบ Full LCD Digital โดยที่มีเข็มมาตรวัดแบบ Analog อยู่บนกึ่งกลาง พวงมาลัยก็เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นสไตล์รถแข่ง และ รวมไปถึงตำแหน่งของปุ่มควบคุมต่าง ๆ ภายในก็จะถูกปรับองศาให้หันหน้าเข้าหาคนขับ เพื่อให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องเอื้อม
- สำหรับตัวเบาะนั่งจะมาในสไตล์รถแข่ง Full Bucket Seat สไตล์คลาสสิคหุ้มด้วยหนังแบบพิเศษพร้อมเข็มขัดนิรภัยมาตรฐานสนามแข่งแบบล็อค 6 จุด แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นรถสปอร์ตที่มาในสไตล์รถแข่งแบบเปิดโล่งแล้ว ทางเฟอรารี่ก็ยังใส่ระบบปรับอากาศเข้ามาให้ พร้อมกับช่องแอร์อีก 2 ช่อง บริเวณด้านล่างของพวงมาลัย ส่วนระบบ Entertrain หรือ อุปกรณ์ในการฟังเพลง รถยนต์คันนี้จะไม่ได้ใส่เข้ามาให้ เพราะต่อให้มีไปก็ไม่ได้ยินอยู่ดี แต่ระบบนำทาง และ อุปกรณ์ชาร์จไฟต่าง ๆ ยังคงมีเช่นเดิม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ตลอดเส้นทาง
เครื่องยนต์รถยนต์ : Ferrari Monza SP1
Engine:เครื่องยนต์
- สำหรับในรุ่นนี้จะมากับเครื่องยนต์วางหน้าแบบ V12 เบนซิน N/A ขนาด 6.5 ลิตร 6,496 ซีซี รหัส F140 GC V12 จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดแบบพิเศษแรงดันสูง โดยใช้ตัวกรองน้ำมันแบบ GPF ระบายความร้อนด้วยน้ำ ใช้ลูกสูบขนาด 94 มิลลิเมตร กับ ระยะช่วงชัก 78 มิลลิเมตร ในอัตราส่วนกำลังอัด 13.6 : 1 สามารถเรียกพละกำลังสูงสุดได้ 810 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที กับ แรงบิดสูงสุดที่ 719 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบต่อนาที ใช้ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ Dual Clutch 7 สปีด ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง รองรับน้ำมันเบนซิน 95 เท่านั้น ส่วนตัวเลขสมรรถนะที่รถยนต์คันนี้ทำได้ มีดังนี้
- สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 2.9 วินาที
- สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.9 วินาที
- มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 5 รูปแบบ
- โหมด Comfrot
- โหมด Rain
- โหมด Sport
- โหมด Track
- โหมด Custom
ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ : Ferrari Monza SP1
- รถยนต์คันนี้จะมากับโครงสร้างตัวถังแบบ Monoclock Full Carbon Fibre ที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ ช่วยให้รถมีน้ำหนักเบา และ ได้สมดุลอันเป็นเลิศในสนามแข่ง จากการเพิ่มโครงสร้างตัวถังในช่วงกึ่งกลางของตัวรถเข้ามาให้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกับรถแข่งหลาย ๆ รุ่น จะคอยช่วยป้องกันไม่ให้ตัวถังบิดตัวจากการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ในส่วนของแชสซีย์เองก็ได้พื้นฐานมาจากรถแข่ง Formula 1 ของ Ferari ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ใช้ระบบช่วงล่างกับเบรกที่ได้รับมาจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกใส่เข้ามาให้ด้วยเช่นกัน และ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือระบบและเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่าง ๆ ที่อัดแน่นเข้ามาให้ตั้งแต่ ระบบ Quick Shifter ไปจนถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ในส่วนต่าง ๆ เองเฟอรารี่ก็ใส่เข้ามาให้อย่างครับครัน
สรุปรถยนต์ : Ferrari Monza SP1
สำหรับรถยนต์คันนี้ถึงจะดูเหมือนรถสปอร์ตที่หลุดออกมาจากยุค 50s-60s กันเลย แต่ถ้าดูดี ๆ แล้วเราจะเห็นรายละเอียดทุก ๆ อย่างที่ดูเป็นของรถยนต์สมัยใหม่ด้วยกันทั้งสิ้น ตั้งแต่ดีไซน์การออกแบบส่วนโค้งและมิติต่าง ๆ ของตัวรถ ไปจนถึงเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะมากมายที่ Ferrari อัดแน่นเข้ามาให้แบบครบถ้วน ซึ่งเป็นคันแรกที่เปิดตัวมาใน Segment ใหม่ของแบรนด์ Ferrari อย่าง Segment Icona ที่จะผลิตรถยนต์ที่เป็นดั่งผลงานศิลปะชิ้นออกมาจำหน่ายในจำนวนที่จำกัดเท่านั้น และ รถยนต์คันนี้เองก็มีจำนวนการผลิตอยู่ที่ 500 คันเท่านั้น
รถยนต์ Ferrari Monza SP1 สามารถเลือกสีตัวถังได้อย่างอิสระ
รถยนต์ Ferrari Monza SP1 มีสีให้เลือกมากกว่า 300 สี
ราคารถยนต์ : Ferrari Monza SP1
รถยนต์ Ferrari Monza SP1 ราคา 55,000,000 บาท (ไม่รวมภาษี)
Link ซื้อรถยนต์ : Ferrari Monza SP1
เรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวของ Segment ใหม่ที่ดูอลังการพอสมควรเลย เพราะทางผู้ผลิตอย่าง Ferrari ได้เปิดตัว Ferrari Monza SP1 รถยนต์ Sport Car หนึ่งที่นั่ง รุ่นพิเศษจากคลาส Icona ที่ขึ้นไปคว้ารางวัล Compasso d’Oro ในปี 2020 คันนี้ ออกมาเป็นคันแรกของ Segment ซึ่งมาพร้อมกับดีกรีรางวัลที่เก่าแก่ที่สุดของวงการรถยนต์ในรอบที่ผ่านมาด้วย ซึ่งรถยนต์คันนี้ก็มากับราคาสุดโหดที่ผลิตออกมาขายให้กับเหล่าบรรดานักสะสม ที่มีประวัติอันดีกับแบรนด์ Ferrari มาอย่างยาวนานตั้งแต่ในวันเปิดตัว และ ทั้ง 500 คันก็มีเจ้าของไปหมดเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงแค่ส่งมอบให้กับเจ้าของทั่วโลกเท่านั้น ซึ่งก็ไม่แน่นะอาจจะมีมหาเศรษฐีชาวไทยเราไปแอบจองกันแล้วก็ได้ และสุดท้ายนี้ทาง https://mywonderwheel.com/ ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วกลับมาพบกันใหม่ในครั้งหน้านะครับ สวัสดีครับ