หากพูดถึงรถยนต์หนึ่งคันก็จะรวมไปด้วยส่วนประกอบมากมาย ที่ช่วยให้รถยนต์นั้นขับเคลื่อนไปด้วยบนความปลอดภัย ซึ่งอีกหนึ่งอย่างที่เรายกให้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของรถยนต์เลยนั่นก็คือ ชิ้นส่วนแรกที่สัมผัสกับพื้นถนน อย่างยางรถยนต์ โดยในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูกันว่า ยางรถยนต์มีกี่รูปแบบ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร แบบไหนเหมาะที่สุด ผ่านบทความเรื่องนี่ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรศึกษาและมีความรู้ติดตัวกันไว้ เพื่อที่จะได้เลือกใช้ยางที่เหมาะสมกับรถยนต์และรูปแบบการใช้งานของท่านมากที่สุด
ยางรถยนต์ที่นิยมใช้ในบ้านเรามีกี่ประเภท
- ยางแบบ Highway Terrain หรือ ยาง H/T เป็นรูปแบบยางรถยนต์ที่คนนิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเราจะเห็นได้ทั่ว ๆ ไป เพราะเป็นยางมาตรฐานติดรถมาให้ตั้งแต่โรงงาน มีลักษณะของหน้ายางแบบเรียบพื้น ใช้ดอกยางแบบละเอียดโดยมีลักษณะของดอกยางเป็นแนวยาวตามเส้นรอบวง เหมาะใช้งานบนทางเรียบมากที่สุด
- ยางแบบ Comfort หรือ แบบนุ่มเงียบ จะเป็นยางที่คล้ายกับยางแบบ H/T แต่จะใส่เทคโนโลยีของความนุ่มกับเทคโนโลยีการเก็บเสียงเข้าไปเพิ่ม โดยเสริมเนื้อยางในส่วนของแก้มยางเข้าไปเพิ่ม ทำให้ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้และยังช่วยให้เกาะถนนมากกว่ายางแบบ H/T โดยส่วนมากยางรูปแบบนี้จะอยู่ในรถอย่าง Honda Civic , Toyota Altis ขึ้นไป หรือ แม้กระทั่งรถยนต์ยุโรปอีกหลาย ๆ รุ่นก็ใช้ยางรูปแบบนี้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถเช่นกัน จะเหมาะสำหรับทางเรียบใช้งานในเมืองหรือบนทางหลวง
- ยางแบบ Eco Car หรือ แบบประหยัดน้ำมัน คือ ยางที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้รถประหยัดน้ำมันมากที่สุด ถือว่าเป็นเทคโนโลยีและมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ Eco Car ในประเทศไทย รวมไปถึงรถยนต์คันใหญ่ ๆ ที่มีน้ำหนักตัวมากอย่าง C-RV และ รถยนต์ประเภท Hybrid ต่าง ๆ ส่วน รถ SUV , PPV คันอื่น ๆ ที่ต้องการความประหยัดน้ำมันมากขึ้น ก็สามารถใช้ยางแบบนี้ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณสมบัติของยางชนิดนี้นอกจากจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นแล้ว ยังช่วยเสริมเรื่องของการยึดเกาะถนน และ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่ารูปแบบอื่น ๆ ด้วย จึงเป็นยางอีกหนึ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในปัจจุบัน
- ยางแบบ Sport หรือ ยางสำหรับรถยนต์ Sport คือยางแบบนุ่มเงียบที่อัพเกรดยกระดับขึ้นมากอีกขั้น เพื่อรองรับกับการขับขี่ความเร็วสูง และ การยึดเกาะถนนบนความเร็ว ของรถ Sport สมรรถนะสูงที่มีพละกำลังเกิน 300 แรงม้า ขึ้นไปได้สบาย ๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเกรดของแต่ละยี่ห้อว่าสามารถรองรับแรงม้าและแรงบิดได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งคุณสมบัติของยางประเภทนี้นอกจากความนุ่มเงียบที่เป็นพื้นฐานเดิม คือการยึดเกาะถนนที่มีเพิ่มมากขึ้น ควบคุมง่ายบนความเร็วสูง ตัวพวงมาลัยจะไม่รู้สึกหนักมือหรือฝืนมาก แต่ยางประเภทนี้จะแพ้ถนนขรุขระเอามาก ๆ เพราะไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับแรงสั่นสะเทือนได้มากเท่ายางรูปแบบอื่น ๆ สำหรับยางประเภทนี้ก็จะอยู่ในรถยนต์รหัสตัวแรงของทางค่ายเป็นส่วนใหญ่เช่น Honda Civic Type R , Toyota GR Yaris . Subaru WRX , Mitsubishi Lancer Evolution และ รถยุโรปสมรรถนะสูงอีกหลาย ๆ คัน
- ยางแบบ All Terrain หรือ ยางแบบ A/T ที่เรารู้จักกัน คือยางรูปแบบอเนกประสงค์ที่สามารถใช้ได้ทั้งทางเรียบและทางขรุขระ ทั้งตัวหน้ายางและดอกยางจะเป็นแบบหนาสามารถรองรับการกระแทกและแรงสั่นสะเทือนได้ดี พร้อมช่วยยึดเกาะถนนบนทางดินลื่น ๆ ได้อีกด้วย แต่สำหรับยางรูปแบบนี้ที่แม้จะสามารถน้ำไปใช้บนทางเรียบ หรือ ถนน Highway ได้ก็จริงแต่อาจจะมีเสียงที่ดังกว่ายางแบบ H/T เล็กน้อย เพราะนั่นเกิดจากสาเหตุที่ตัวยางนั้นมีน้ำหนักมาก แถมลักษณะของยางค่อนข้างแข็งกว่าปกติ จึงต้องแลกมากกับเสียงที่ดังขึ้นเมื่อวิ่งบนพื้นแข็ง และ ที่สำคัญเลยถึงแม้ว่าจะเหมาะกับทางขรุขระหรือพื้นดินเปียก ๆ ลื่น ๆ แต่ถ้าเจอทางที่เป็นโคลนหนา ๆ ก็เอาไม่อยู่เช่นกัน
- ยางแบบ Mud Terrain หรือ ยางออฟโร้ด คือ ยางชนิดที่ออกแบบมาให้กับสายลุยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะโคลนหนา ลุยน้ำ ลุยหิน ลุยทราย บุกป่าฝ่าดงแบบไหนก็ไม่หวั่น เพราะสามารถยึดเกาะได้ทั้งหมด เป็นยางของรถ Off-Road โดยเฉพาะ ที่มากับดอกยางขนาดใหญ่สุดแข็งแกร่ง กับหน้ายางที่หนาและแข็ง แต่ข้อเสียก็คือเมื่อนำมาวิ่งบนพื้นถนนปกติ จะมีเสียงที่ดังมาก ๆ และ อาจจะหนักพวงมาลัยกว่าบนทางดิน
- ยางแบบ Runflat หรือ ยางสำหรับรถยนต์ Supercar คือ ยางแบบ Sport ที่ได้รับการยกระดับขึ้นมาด้วยเทคโนโลยียางรถยนต์แบบใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาให้เสมือนกับว่าเป็นยางนิรภัย ที่มียางด้านในอีกหนึ่งชั้น ช่วยให้สามารถใช้งานต่อไปได้เมื่อยางรั่ว หรือ เกิดอุบัติเหตุ แถมยังช่วยในเรื่องของการยึดเกาะถนนบนความเร็วสูงที่อยู่ในระดับท็อปของโลกในปุจจุบัน หากไม่นับยาง Racing เข้าไปยางประเภทนี้ก็ุถือว่าเป็นยางชนิดที่ดีที่สุดในปัจจุบัน และ ก็มากับราคาที่แพงมาก ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรจ่าย เพราะยางรถยนต์คือส่วนแรกที่สัมผัสกับพื้นถนน
ส่วนดอกยางก็จะแยกประเภทออกไปอีก ดังนี้
- ดอกยางแบบละเอียด หรือ Rip Pattern สำหรับดอกยางรูปแบบนี้จะเป็นแนวยาว โดยจะมีระยะห่างพอประมาณ เป็นดอกยางรูปแบบพื้นฐานที่นิยมกับยางแบบ H/T เพราะสามารถช่วยรีดน้ำได้ดี แถมเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ช่วยเก็บเสียงรบกวนของยางให้ด้วย
- ดอกยางแบบบั้ง หรือ Lug Pattern จากภาพก็พอจะเดากันได้ว่าเหมาะกับพื้นผิวที่ขรุขระ อย่างเช่นการปีนป่ายหรือการตะกุยดินหนา ๆ เพื่อให้เคลื่อนที่ผ่านไปโดยง่าย ซึ่งดอกยางรูปแบบนี้เราก็จะเห็นได้บ่อยกับรถไถ ที่มีขนาดล่องยางที่ใหญ่ และ ลึกกับตัวบั้งที่แข็ง จึงเป็นเหตุที่ทำให้พอเวลาที่นำยางชนิดนี้มาวิ่งบนทางเรียบก็จะวิ่งได้เพียงความเร็วต่ำเท่านั้น
- ดอกยางแบบผสม หรือ Rib Lug Pattern คือ ดอกยางที่ผสมทั้งแบบเรียบและแบบบั้งไว้ด้วยกัน โดยจะมีดอกยางแบบเรียบอยู่ตรงกลาง และ แบบบั้งอยู่ในด้านข้าง ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและตะกุยะพื้นถนนได้มากขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งบนทางดิน และ ทางเรียบ ซึ่งดอกยางชนิดนี้มักจะใช้กันในยาง A/T และ Mud Terrain
- ดอกยางแบบบล็อก หรือ Block Pattern คือ ดอกยางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาให้จับตัวเป็นก้อน ๆ ที่มีทั้งทรงกลม และ สี่เหลี่ยม ช่วยทั้งในเรื่องของการยึดเกาะ การปืนป่าย และ การตะกุย ได้เป็นอย่างดี จึงถูกนำไปใช้กับยาง Off-Road แบบ Mud Terrain เป็นส่วนมาก
ส่วนลักษณะของดอกยางก็จะแบ่งได้ดังนี้
- ดอกยาง 2 ทิศทาง คือ ดอกยางที่ถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถสลับยางได้ทุกตำแหน่งเพื่ออายุการใช้งานที่นานยิ่งขึ้น เพราะส่วนมากหน้ายางด้านนอกจะเสื่อมสภาพก่อนหน้ายางด้านในเสมอ
- ดอกยางแบบทิศทางเดียว หรือ Directional คือ ดอกยางที่มีลักษณะอยู่ในทิศทางเดียงกัน และ คุณสมบัติของดอกยางประเภทนี้ก็จะช่วยรีดน้ำได้ดีมากยิ่งขึ้น
- ดอกยางแบบสมมาตร Symmetric คือดอกยางชนิดที่เราจะพบเห็นได้บ่อยมากที่สุด โดยตัวดอกยางจะมีระยะห่างและลักษณะที่ต่อเนื่องกันสวยงาม
- ดอกยางแบบไม่สมมาตร หรือ Asymmetric คือ ดอกยางที่มักจะพบได้ในรถสปอร์ต ซึ่งจะเป็นดอกยางที่มีลวดลายทั้ง 2 ฝั่งไม่เหมือนกัน โดยทางด้านในจะออกแบบมาสำหรับการใช้ความเร็วสูงในทางตรง ส่วนด้านนอกที่เป็นลายยัก จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการเข้าโค้ง จึงทำให้ยางรูปแบบนี้ถูกพบเห็นอยู่บ่อยครั้งในรถยนต์สมรรถนะสูง
สรุป
เป็นยังไงกันบ้างครับเรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องยางกันเลย สำหรับบทความ ยางรถยนต์มีกี่รูปแบบ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร แบบไหนเหมาะที่สุด ที่เราได้นำมาฝากกันในครั้งนี้ ส่วนใครที่อยากรู้ว่ายางยี่ห้อไหนดี เจ้าไหนโดน รุ่นไหนเด็ดบ้าง เราจะมาจัดอันดับกันให้รับชมกันในบทความครั้งหน้าที่ https://mywonderwheel.com/ นะครับ สวัสดีครับ