สำหรับรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นของ ตระกูล Aventador Series ที่ใช้เครื่องยนต์ V12 รุ่นสุดท้ายที่ได้ชื่อ Ultimate เข้ามาต่อท้าย จะถูกผลิตออกมาด้วยกัน 2 รูปแบบ โดยในครั้งก่อนเราได้พาทุกท่านไปทำความรู้จักกับรุ่นหลังคาแข็งกันมาแล้ว ในวันนี้เราจะพาทุกท่านมาพบกับ รถยนต์ Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster รถยนต์ Super Car โฉมเปิดประทุน สมรรถนะสูงที่สุดของ Series คันนี้กันครับ แน่นอนว่ามากับชื่อ Ultimate กำกับด้านท้ายแบบนี้ ก็จะต้องเป็นรุ่นที่มีสมรรถนะสูงที่สุดในตระกูลอย่างแน่นอน โดยในรุ่นนี้จะมีสมรรถนะที่เหนือกว่าใน Aventador Roadster ในรุ่น S กับ SVJ ในทุกด้าน รวมถึงความที่รถยนต์ รุ่น Roadster ของ Lamborghini ก็จะเป็นรุ่นที่มีสมรรถนะในเรื่องของ Aero Dynamic กว่าในรุ่นหลังคาแข็งเสมอ โดยเฉพาะในสนามแข่ง และ สำหรับรถยนต์คันนี้จะมีรายละเอียดทั้งหมดอย่างไรบ้าง เราไปรับชมกันเลยครับ
ดีไซน์ภายนอกรถยนต์ : Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster
Exterior:ภายนอกของรถยนต์
- มีกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ตกแต่งขอบกันชนหน้าด้วย คาร์บอนไฟเบอร์
- มีลิ้นใต้กันชนหน้าแบบ คาร์บอนไฟเบอร์ 2 ชั้น
- มีช่องดักอากาศบนกันชนด้านหน้าขนาดใหญ่ขึ้น
- มี Winglets อยู่บริเวณช่องดักอากาศบนกันชนหน้าทั้ง 2 ด้าน
- มีสัญลักษณ์กระทิงดุ Lamborghini บนฝากระโปรงด้านหน้า
- มีโครมไฟหน้าสีดำ
- มีไฟหน้าแบบ Matrix Adaptive LED
- มีไฟหรี่ Daytime Running Light แบบ LED รูปตัว Y ดีไซน์ใหม่
- มีไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED 3 มิติ
- มีกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ และ สามารถเลือก Custom สีได้
- กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวแบบ LED ในตัว
- มี Skirt ด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ ตกแต่งขอบด้วยคาร์บอนไฟเบอร์
- มีช่องรับอากาศบริเวณ Skirt ด้านข้าง
- มีช่องดักอากาศบริเวณ โปร่งซุ้มล้อด้านหลัง
- มีไฟท้าย LED แบบ Light Gilding รูปตัว Y 3 ดวง
- มีไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- มีไฟเลี้ยวด้านท้ายแบบ LED 3 มิติ
- มีหลังคากระจกปิดห้องเครื่องดีไซน์ใหม่
- มีครีบแบบ คาร์บอนไฟเบอร์ บนหลังคากระจกอีกหนึ่งชั้น ช่วยเสริม Aero Dynamic ให้กับตัวรถได้ดี และ ยังสามารถสร้าง Downforce ได้แบบเดียวกับ Spoiler จึงทำให้รถยนต์คันนี้มีไม่ Spoiler มาด้วย
- มีกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ ออกแบบให้เป็นชิ้นเดียว โดยจะช้วนชิ้นส่วนตรงกลางทั้งหมดเป็นแบบคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อทนทานต่อความร้อนของเครื่องยนต์
- มีตะแกรงระบายความร้อน ลาย Diamond Cut สีดำ ด้านหลัง พร้อมตกแต่งสัญลักษณ์ Lamborghini สีเงินโครเมี่ยมระหว่างกึ่งกลาง
- มีช่องระบายอากาศบนกันชนท้าย หลังซุ้มล้อด้านหลัง
- มีดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังสไตล์สปอร์ต ใช้วัสดุแบบคาร์บอนไฟเบอร์
- มีท่อไอเสีย Titanium คู่จาก Akrapovic ที่มากับฟังก์ชันปรับระดับเสียงได้ถึง 5 รูปแบบ
- มีล้อแม็กซ์ Forged ลาย Diamond Cut ขนาด 21 นิ้ว
- มีล้อหน้าขนาด 8.5 นิ้ว X 20 นิ้ว มาพร้อมกับยาง Pirelli P Zero ขนาด 255/30 ZR20
- มีล้อหลังขนาด 11 นิ้ว X 21 นิ้ว มาพร้อมกับยาง Pirelli P Zero ขนาด 355/25 ZR21
- มาพร้อมกับจานเบรกคาร์บอนเซรามิค และ คาลิปเปอร์เบรกขนาดใหญ่ที่สามารถเลือกสีได้
- มีหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์แบบเปิดประทุนด้วยระบบไฟฟ้า โดยใช้เวลาทำงานเพียง 13 วินาที โดยที่ไม่ต้องหยุดรถ แต่จะต้องขับในความเร็วที่ไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
Dimension:มิติตัวถังรถ
- มีความยาวทั้งหมดขนาด 4,868 มิลลิเมตร
- มีความกว้างทังหมด 2,098 มิลลิเมตร
- มีความสูงทั้งหมด 1,136 มิลลิเมตร
- มีระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร
- มีระยะห่างของล้อคู่หน้า 1,720 มิลลิเมตร
- มีระยะห่างของล้อคู่หลัง 1,680 มิลลิเมตร
- มีความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุด 115-155 มิลลิเมตร
- มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้า 100 ลิตร
- มีน้ำหนักตัวถังทั้งหมด 1,542 กิโลกรัม
- มีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งหมด 85 ลิตร
ดีไซน์ภายในรถยนต์ : Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster
Interior:ภายในรถยนต์
- ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีทูโทน สามารถเลือกเฉดสีได้อย่างหลากหลาย และ Custom ได้อย่างอิสระ
- ใช้วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยหนัง และ Alcantara เดินตะเขิบด้วยด้ายสีเดียวกับตัวรถ หรือ ตามสีที่เลือก
- ใช้วัสดุตกแต่งอุปกรณ์ด้านในด้วยสีดำเงา และ ลายคาร์บอนไฟเบอร์
- แผงคอนโซลด้านหน้าของตำแหน่งผู้โดยสาร ตกแต่งเป็นด้วย Alcantara พร้อมลงลายเซนต์ Lamborghini เอาไว้
- บริเวณเสาหลังคาด้านในตกแต่งชื่อ รุ่น Ultimate เอาไว้
- มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบ Ambient Light
- มีพวงมาลัย 3 ก้าน มัลติฟังก์ชัน
- มีชุดหน้าจอมาตรวัดแบบ Full LCD Digital ที่มีฟังก์ชันรูปแบบการแสดงผลหลายรูปแบบ
- มีแป้นเปลี่ยนเกียร์แบบ Paddle Shift
- มีเกียร์อัตโนมัติ แบบปุ่มกดสไตล์ Super Car
- มีปุ่ม Push Start สไตล์สปอร์ตสีแดง
- มีปุ่มปรับโหมดการทำงานของ Traction Control
- มีปุ่มปรับโหมดการทำงานของ ABS
- มีปุ่มปรับระดับความสูงของช่วงล่าง หรือ Lift Control
- มีปุ่ม Launch Control
- มีแป้นคันเร่ง และ เบรก แบบสปอร์ต พร้อมปุ่มยางกันลื่น
- มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกอิสระ ซ้าย , ขวา
- มีเบาะนั่งทั้งหมดหุ้มด้วยหนังสลับ Alcantara พร้อมเดินตะเข็บด้วยด้ายสีเดียวกับตัวรถ หรือ ตามสีที่เลือก บนพนักพิงหลังตรงแต่งด้วยลวดลาย รูปตัว Y ซึ่งจะมีดีไซน์การตกแต่งให้เลือกหลายแบบ
- มีสัญลักษณ์กระทิกดุ Lamborghini ปักอยู่บนพนักพิงศีรษะ (ตัวเบาะนั่งสามารถเลือกตกแต่งได้อย่างอิสระ)
- มีเบาะนั่งคู่หน้าสไตล์สปอร์ตแบบ Bucket Seat
- บริเวณปีกข้างของตัวเบาะ ตกแต่งชื่อ รุ่น Ultimate เอาไว้
- เบาะนั่งคู่หน้า ปรับด้วยระบบไฟฟ้า
- เบาะนั่งคู่หน้า มีระบบบันทึกตำแหน่ง Memory Seat
- เบาะนั่งคู่หน้า มีระบบดันหลังไฟฟ้า Lumbar Support
- เบาะนั่งคู่หน้า มีระบบ Heater มาให้
Entertainment:ระบบความบันเทิง
- มีชุดหน้าจอเครื่องเล่นระบบสัมผัส Touch Screen แบบ HMI
- สามารถรองรับระบบ Apple Car Play และ Android Auto
- รองรับระบบเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth
- มีระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition
- มีระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bang & Olufsen Surround Sound System
- มีระบบเชื่อมต่อ Smart Phone เข้ากับตัวรถที่รองรับระบบต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ดังนี้
- มีระบบ Emergency Call System เป็นระบบโทรช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง
- มีระบบ Telediagnostics ช่วยวิเคราะห์สภาพของรถยนต์
- มีระบบ Remote Engine Start ช่วยสตาร์ทเครื่องยนต์ได้จากกุญแจรีโมท พร้อมสั่งงานให้เปิดระบบปรับอากาศได้ด้วย Smartphone
- มีระบบ Live Traffic Information ช่วยรายงานสภาพการจราจร
- มีระบบ ขอความช่วยเหลืออัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
เครื่องยนต์รถยนต์ : Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster
Engine:เครื่องยนต์
- สำหรับในรุ่นนี้จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน V12 N/A ขนาด 6.5 ลิตร 6,498 ซีซี 48 วาล์ว มาพร้อมกับระบบวาล์วแปรผันอากาศแบบ Continually Variable Adjustment จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดแบบ Multi Point กับ แบบ Direct Stratified ระบายความร้อนด้วยน้ำและอากาศ ใช้ลูกสูบขนาด 95มิลลิเมตร กับ ระยะช่วงชัก 76.4 มิลลิเมตร ในอัตราส่วนกำลังอัด 11.8 : 1 สามารถเรียกพละกำลังสูงสุดได้ 780 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดแบบ Dual Clutch LDF ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบ AWD พร้อมกับเฟืองท้ายแบบพิเศษ ส่วนตัวเลขสมรรถนะที่รถยนต์คันนี้ทำได้ มีดังนี้
- สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 2.8 วินาที
- สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 8.7 วินาที
- สามารถทำเวลาควอเตอร์ไมล์ หรือ สนามแข่งคลอง 5 บ้านเราได้ในเวลา 10.4 วินาที
- มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 355 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- สามารถเบรกจากความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในระยะเบรกเพียง 30 เมตร เท่านั้น ในเวลาไม่เกิน 3 วินาที
มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 4 รูปแบบ
- โหมด Strada
- โหมด Sport
- โหมด Corsa หรือ โหมด Track
- โหมด EGO เป็นโหมดที่ปรับตั้งค่าระบบต่าง ๆ เองได้อย่างอิสระ
ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ :
Frame & Suspension : โครงสร้างตัวถัง และ ช่วงล่าง
- ใช้โครงสร้างตัวถังแบบ ไฮบริดที่มีน้ำหนักเบา ตัวแชสซีย์จะใช้เป็น อลูมิเนียมผสมกับคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนตัวบอดี้จะใช้เป็น อลูมิเนียมผสมกับเหล็กกล้า จึงถูกเรียกว่าเป็นตัวถังแบบไอบริดหรือลูกผสมนั่นเอง
- ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ AWD ที่สามารถกระจายน้ำหนักระหว่างล้อหน้าและล้อหลังได้อย่างอิสระ อยู่ที่ 40/60 และ สามารถกระจายน้ำหนักได้อย่างอิสระตามความเหมาะสมเมื่อรถเสียการควบคุม
- มีระบบเลี้ยว 4 ล้อ แบบเดียวกับในรุ่น Aventador S ซึ่งจะมีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไปตามโหมดการขับขี่และความเร็วของรถมีระบบ Lamborghini Piattaforma Inerziale ช่วยปรับสมดุลของตัวรถ ตามค่าที่วัดได้จากจุดศูนย์ถ่วงรถ เพื่อให้ตัวรถมีสมดุลในการขับขี่ตลอดเวลา
- มีระบบกันสะเทือนด้านหน้า และ ด้านหลัง แบบอิสระปีกนกคู่ที่ทำจากอลูมิเนียม โดยที่ตัวสปริงจะเป็นเหล็ก และ ตัวโช๊คอัพจะเป็นแบบไฮดรอลิก
- มีระบบ Magneto-rheological ช่วยปรับค่าการทำงานของโช๊คอัพด้วยระบบไฟฟ้า ตั้งแต่ ความแข็งอ่อน ความยึดหยุ่น และ ระดับความสูง
- มีระบบห้ามล้อด้านหน้าเป็นดิสก์เบรก ใช้จากเบรกแบบ Carbon Ceramic ขนาด 380 มิลลิเมตร หนา 38 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 6 Pots
- มีระบบห้ามล้อด้านหลังเป็นดิสก์เบรก ใช้จากเบรกแบบ Carbon Ceramic ขนาด 356 มิลลิเมตร หนา 32 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์เบรกแบบ 4 Pots
Safety:ระบบความปลอดภัย
- มีระบบ Lamborghini Piattaforma Inerziale ช่วยปรับสมดุลของตัวรถ ตามค่าที่วัดได้จากจุดศูนย์ถ่วงรถ เพื่อให้ตัวรถมีสมดุลในการขับขี่ตลอดเวลา
- มีระบบ Lamborghini Dynamic Steering ช่วยปรับน้ำหนักของพวงมาลัยตามความเร็วรถ
- มีระบบ Torque Vertoring ช่วยควบคุมแรงบิดให้ลงสู่ล้อได้เร็วยิ่งขึ้น แต่อยู่ในปริมาณที่ไม่เกินขีดจำกัดของตัวรถ
- มีระบบ EPS ช่วยผ่อนแรงของพวงมาลัยโดยจะปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ
- มีระบบ ABS ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อคเมื่อเบรกกะทันหัน
- มีระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรกให้สม่ำเสมอกัน
- มีระบบ BA ช่วยเสริมแรงเบรกให้กับล้อทั้ง 4
- มีระบบ ESC ช่วยควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว
- มีระบบ P-TCS ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการลื่นไถล และ ช่วยไม่ให้ล้อหลังหมุนฟรีโดยไม่จำเป็น
- มีระบบ ESS ช่วยเปิดไฟกระพริบฉุกเฉินให้ทันทีเมื่อเบรกกะทันหัน
- มีระบบ HSA ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- มีระบบ HDC ช่วยชะลอความเร็วรถยนต์ในเวลาลงทางลาดชัน
- มีระบบ TPLW ช่วยแจ้งเตือนเมื่อลมยางมีแรงดันที่ผิดปกติ
- มีระบบ ADF ช่วยทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นการรวมเทคโนโลยีของด้านนี้ทุกอย่างรวมไว้ในระบบเดียว ให้ทำงานได้อย่างครบถ้วนตั้งแต่ เรื่องของความปลอดภัย ไปจนถึงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น
- มีระบบ ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- มีระบบ เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
- มีระบบ แจ้งเตือนการชนด้านหน้า พร้อมช่วยชะลอความเร็วให้อัตโนมัติ
- มีระบบ รายงานสภาพจราจร
- มีกล้องมองภาพจากมุมสูง
- มีกุญแจรีโมทแบบ Smart Keyless ที่ทำหน้าที่ได้อย่างหลากหลาย สามารถตั้งโหมดการขับขี่แบบ EGO หรือ ระบบ Infotainment ได้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนจะขึ้นไปบนรถ
- มีเซนเซอร์ช่วยวัดระยะในการจอบรอบคัน
- มีเซนเซอร์แจ้งเตือกวัตถุ หรือ รถ ในมุมอับสายตารอบคัน
- มีกล้องมองภาพรอบคันรถแบบ 360 องศา
- มีถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
- มีถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- มีม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง
จุดเด่นของรถยนต์ : Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster
สำหรับในจุดเด่นของรถยนต์คันนี้ก็อย่างที่ทราบกันว่าในรุ่น Ultimate จะมีสมรรถนะที่เหนือกว่า Aventador ทุกรุ่นที่ผ่านมา แต่ส่วนที่เราจะต้องพูดถึงเลยคือส่วนที่รุ่นนี้มีการออกแบบที่รองรับการหลักอากาศพลศาสตร์ได้ดีกว่ารุ่นหลังคาแข็งที่เป็นรุ่น Ultimate เหมือนกัน จึงทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีการควบคุมที่เฉียบคมมากกว่า ไปกับอากาศได้เร็วกว่า เพราะด้วยรูปร่างที่ลู่ลมมากกว่าในรุ่นมีหลังคา ซึ่งถ้านำทั้ง 2 รุ่นมาวิ่งเทียบกันในสนามแข่ง คันที่เป็นโฉม Roadster จะสามารถทำเวลาได้ดีกว่า
สรุปรถยนต์ : Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster
สำหรับรถยนต์รุ่นนี้ก็ถูกยืนยันอย่างเป็นทางการจากทางผู้ผลิตแล้วว่าจะเป็นการส่งท้ายให้กับรุ่น Aventador โดยจะเป็น Aventador รุ่นสุดท้ายในสายการผลิตของ Lamborghini ถือว่าเป็นรถยนต์ที่สร้างตำนานให้กับ Lamborghini มาอย่างยาวนาน และ ยังเป็นรถยนต์ขุมพลัง V12 ที่ดีที่สุดของแบรนด์ และ เพื่อส่งท้ายความเป็นตำนานในครั้งนี้ทางผู้ผลิตจึงจัดทำให้รถยนต์คันนี้เป็น Aventador Roadster ที่มีสมรรถนะสูงที่สุดที่เคยมีมา
รถยนต์ Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster สามารถเลือก Custom สีตัวถังได้อย่างอิสระ
รถยนต์ Lamborghini Aventador LP780-4 Ultimate Roadster สามารถเลือกสีตัวถังได้อย่างอิสระ มากถึง 350 สี และ ยังสามารถ Custom สีสันลวดลายตามส่วนต่าง ๆ ได้ จาก AD Personam Studio ของ Lamborghini
ราคารถยนต์ : Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster
รถยนต์ Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster ราคาเริ่มต้น 45,900,000 บาท
Link ซื้อรถยนต์ : Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster
เรียกได้ว่าเป็นการประกาศที่น่าใจหาย ที่ทางผู้ผลิตได้ประกาศว่า รถยนต์ Lamborghini Aventador LP 780-4 Ultimate Roadster รถยนต์ Super Car โฉมเปิดประทุน สมรรถนะสูงที่สุดของ Series คันนี้ จะเป็นรุ่นสุดท้ายของตระกูล Aventador Series แล้ว เพราะสำหรับสาวก Lamborghini แล้วนั้นจะถือว่า Aventador จะเป็นรถยนต์ที่สวยที่สุด และ ยังเป็นรถเครื่องยนต์ V12 N/A ที่ดีที่สุดของแบรนด์อีกหนึ่งรุ่น