หากพูดถึงผู้ผลิตรถจักรยานยนต์แบรนด์ดังจากญี่ปุ่นอย่าง Kawasaki ในกลุ่มผู้ใช้งานจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ก็ต่างจะทราบกันว่าเป็นรุ่นที่เป็นเจ้าของสถิติ ทำความเร็วทะลุ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรถจักรยานยนต์เป็นเจ้าแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากนั้นก็ได้พัฒนารถรุ่นนี้ต่อมาจนได้มีรุ่นย่อยออกมามากมายในปัจจุบัน สำหรับวันนี้เรานำรุ่น Kawasaki Z H2 Supercharger จักรยานยนต์ Naked Bike พันธุ์ดุจากญี่ปุ่น คันนี้ มานำเสนอให้กับท่านผู้ชมได้ทำความรู้จักไปพร้อมๆกันเลยครับ ซึ่งสำหรับชื่อ H2 นั้นได้มาจากเจ้าของสถิติที่กล่าวไว้เมื่อสักครู่อย่าง รุ่น H2R ที่เป็นตัวสปอร์ต แต่ครั้งนี้ Kawasaki ได้นำเทคโนโลยีที่อยู่ในนั้นมาปรับโฉมเป็นรูปแบบ จักรยานยนต์ Naked ที่จะเปลือยแฟริ่งด้านหน้าโชว์เครื่องยนต์มากกว่าเดิม ซึ่งหยิบมาตั้งแต่เครื่องยนต์ที่เป็นระบบ Supercharger เหมือนกัน รวมถึงหลักอากาศพลศาสตร์และเทคโนโลยีเสริมสมรรถนะต่างๆ ที่นำมาจากรุ่น Production Hyper Bike ด้วยเช่นกัน โดยจะแตกต่างและมีข้อดีอย่างไรบ้างนั้น หากพร้อมแล้วเราไปดูพร้อม ๆ กันเลยครับ
ดีไซน์การออกแบบของรถจักรยานยนต์ : Kawasaki Z H2 Supercharger
สำหรับดีไซน์การออกแบบของรถจักรยานยนต์คันนี้ จะมีช่วงกรอบด้านหน้าที่ดูใหญ่โตอลังการ ออกแบบมาให้ดูเหมือนว่ามีใบหน้าที่ดุดันเกรี้ยวกราดอยู่ตลอดเวลา มาในโทนสีเข้ม ตัดกับโครงถักสีเขียว โดยเส้นสายบนบอดี้รถทั้งหมด ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถช่วยทำให้ ระบบ Aero Dynamic ของรถมีคุณสมบัติที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มแรงกดให้กับช่วงหน้าของรถ ในเวลาใช้ความเร็วสูงเพื่อให้รถนิ่งเกาะถนนมากที่สุด
Exterior:ภายนอกของรถจักรยานยนต์
- มีไฟหน้า Projector แบบ LED
- มีไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED
- มีชิลใสกันลมด้านหน้า
- มีท่อแรมแอร์รับอากาศขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าฝั่งซ้ายของตัวรถ ช่วยส่งอากาศเข้าไปให้ระบบ Supercharger โดยตรง
- มีกระจกมองข้างสีดำ
- มีไฟท้ายแบบ LED
- มีบังโคลนด้านหลังสีดำ พร้อมตัวล็อคแผ่นป้ายทะเบียนและมีไฟเลี้ยวแบบ LED ในตัว
- มีที่จับคนซ้อนด้านหลังแบบ Built In ฝังเนียนกับตัวรถ
- มีชุดหน้าจอมาตรวัดแบบ จอสี TFT ขนาด 4.3 นิ้ว บอกรายละเอียดทุกอย่างได้อย่างชัดเจนครบถ้วนตั้งแต่
- บอกความเร็วแบบ Digital
- บอกการทำงานของรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 0-14,000 RPM
- บอกตำแหน่งเกียร์
- บอกเวลาแบบตัวเลข Digital
- บอกอุณหภูมิภายนอกตัวรถ
- บอกอุณหภูมิเครื่องยนต์
- บอกอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง
- บอกระยะทางรวม และ Trip Meter
- บอกปริมาณน้ำมัน
- อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้
- มีล้อแม็กซ์สีดำขอบวงสีเขียว ขนาดวงล้อ 17 นิ้ว
- มียางหน้าขนาด 120/70 ZR17
- มียางหลังขนาด 190/55 ZR17
Dimension:มิติตัวถัง
- มีความยาวทั้งหมด 2,085 มิลลิเมตร
- มีความกว้างทั้งหมด 810 มิลลิเมตร
- มีความสูงทั้งหมด 1,130 มิลลิเมตร
- มีความสูงจากพื้นถึงเบาะที่ 830 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อมีขนาด 1,455 มิลลิเมตร
- มีความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุดที่ 140 มิลลิเมตร
- มีน้ำหนักรถรวมน้ำมันเครื่องและน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 239 กิโลกรัม
- มีความจุถังน้ำมันสูงสุดที่ 4.7 ลิตร
เครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ : Kawasaki Z H2 Supercharger
Engine:เครื่องยนต์
- ขุมพลังมากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ แถวเรียง ทำงานร่วมกับระบบอัดอากาศ Supercharger 16 วาล์ว DOHC จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีดแบบพิเศษขนาด 0.40 มิลลิเมตร ระบายความร้อนด้วยน้ำและสาร Cooling สามารถเรียกพละกำลังได้สูงสุดถึง 200 แรงม้าที่ 11,000 รอบต่อนาที มาพร้อมกับแรงบิด 137 นิวตันเมตรที่ 8,500 รอบต่อนาที มีระบบส่งกำลังเกียร์แบบสปอร์ต มาพร้อมกับระบบ Slipper Clutch ที่ช่วยลดแรงกระชากของคลัทช์ให้นุ่มนวลทุกการใช้งาน และระบบ Kawasaki Quick Shift ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องใช้คลัทช์
ระบบความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ : Kawasaki Z H2 Supercharger
Frame & Suspension : โครงสร้างตัวถังและช่วงล่าง
- โครงสร้างตัวถังจะใช้เป็นเฟรมแบบโครงถักตกแต่งด้วยสีเขียว ใช้วัสดุที่แข็งแรงโดยสามารถรองรับพละกำลังของเครื่องยนต์ Supercharger ได้เป็นอย่างดี และให้สมดุลที่ดีเยี่ยมกับผู้ขับขี่
- ในช่วงล่างด้านหน้าใช้เป็นโช๊คอัพคู่แบบหัวกลับ จาก Showa รุ่น SFF-BP สามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้า
- มีช่วงล่างด้านหลังแบบโช๊คอัพเดี่ยว Uni-Track พร้อมซัพแทงค์ จากแบรนด์ Showa สามารถปรับระดับได้ด้วยระบบไฟฟ้า และมาพร้อมกับ Swing Arm
- เบรกด้านหน้าใช้เป็นดิสก์เบรกคู่ มาพร้อมกับจานเบรกขนาด 290 มิลลิเมตร มาพร้อมกับคาลิปเปอร์เบรก 4 Pot จาก Brembo
- เบรกหลังใช้เป็นดิสก์เบรกเดี่ยว มาพร้อมกับจานเบรกขนาด 260 มิลลิเมตร มาพร้อมกับคาลิปเปอร์เบรก 2 Pot จาก Nissin
Safety:ระบบความปลอดภัย
- มีระบบ KIBS เป็นระบบเบรกที่คอยประมวลผลตามสถานภาพของรถ ช่วยป้องกันล้อล็อคเมื่อเบรกกะทันหัน ช่วยควบคุมน้ำหนักเบรกเมื่อเวลาเบรกในโค้งไม่ให้รถเสียการควบคุมได้
- มีระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรก
- มีระบบ KTRC ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อหมุนฟรี สามารถปรับได้หลายระดับ
- มีระบบ KCMF ช่วยควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้งไม่ให้รถเกิดอาการลื่นไถล
- มีระบบ KLCM ช่วยในการออกตัวให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในทุกครั้ง และล็อครอบไม่ให้สูงเกินไปจนล้อหน้ายกตัวขึ้น
- มีระบบ Cruise Control ช่วยล็อคความเร็วให้แบบอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องใช้คันเร่ง ช่วยได้มากในการเดินทางไกล
- มีแกน IMU 6 แกน เป็นเหมือนแกนจับองศาของตัวรถที่ประมวลผลและส่งตรงไปให้ กล่อง ECU ตลอดเวลา หากเกิดการทำงานที่ผิดปกติ ECU จะสั่งการไปยังระบบต่าง ๆ ที่มี
- มีระบบ KQS เป็นระบบ Quick Shifter โดยในเวลาที่เราต้องการทำท็อปสปีดสามารถเปลี่ยนเกียร์แบบรวดเร็วได้โดยที่ไม่ต้องใช้คลัทช์ ระบบนี้จะช่วยตัดแรงกระชากออกไปให้แบบอัตโนมัติ
จุดเด่นของรถจักรยานยนต์ : Kawasaki Z H2 Supercharger
หากพูดถึงจุดเด่นของรถจักรยานยนต์คันนี้แน่นอนเลยว่าสิ่งแรกในชื่อของ H2 จะได้เป็นเครื่องยนต์ Supercharger มาให้ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับรุ่น Production อย่างรุ่น H2R แต่ในรุ่นนั้นไม่สามารถนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันได้ ทางค่ายจึงได้พัฒนาและใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเข้ามาให้อย่างมากมายสำหรับในรุ่นนี้ ตั้งแต่ไฟหน้าไฟท้ายแบบ LED ไปจนถึงระบบ Safety และ เทคโนโลยีที่ช่วยเสริมสมรรถนะต่างๆ อย่าง ระบบ KQS และระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ ๆที่ได้กล่าวไว้ด้านบน และในรุ่นนี้ยังเป็นรถ Naked Bike ที่นอกจากจะแรงแล้วยังเป็นสาย Touring ในตัวด้วยเช่นกัน เพราะมีระบบ Cruise Control ที่สามารถใช้งานในการเดินทางไกลได้ดี โดยสามารถล็อคความเร็วที่ต้องการได้โดยที่ไม่ต้องบิดคันเร่ง หากต้องการยกเลิกเพียงแค่แตะเบรกเบาๆหรือกลับมาบิดคันเร่งระบบ ก็จะยกเลิกแบบ อัตโนมัตินั่นเอง และ ยังไม่หมด นอกจากจะขับในชีวิตประจำวันได้แล้ว ใช้เดินทางท่องเที่ยวได้แล้ว ในรุ่นนี้ก็สามารถใช้งานในสนามแข่งได้ดีด้วยเช่นกัน หากอยากจะทดสอบความเร็ว โดยจะมีโหมดการขับขี่สำหรับในสนามแข่งมาให้ จะเปิดการทำงานของเครื่องยนต์และซุปเปอร์ชาร์จให้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด และเมื่อต้องการทำเวลาได้ดีที่สุด ยังมีระบบช่วยออกตัวอย่าง Launch Control ที่จะทำให้ออกตัวได้เร็วที่สุดเท่าที่รถคันนี้จะทำได้
สรุปรถจักรยานยนต์ : Kawasaki Z H2 Supercharger
สำหรับรถจักรยานยนต์คันนี้เรียกได้ว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่สามารถใช้งานได้ทุกรูปแบบเลยบนถนนดำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันก็สามารถใช้งานได้ดีทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ไม่เกรงกลัวต่อสภาพอากาศที่ร้อนจัดในบ้านเรา อีกทั้งยังสามารถใช้เดินทางไกลได้ด้วยเช่นกัน เป็นรถจักรยานยนต์ 2 ที่นั่ง มาพร้อมระบบ Cruise Control ที่ช่วยให้สะดวกสบายมากขึ้น แต่หากเปรียบเทียบเรื่องความนุ่มและความสะดวกสบายที่สุด ก็อาจจะสู้รถสาย Touring โดยตรงไม่ได้ แต่ก็เป็นรถ Naked Touring ที่แรงที่สุดคันหนึ่งที่หาสัมผัสความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้จากรุ่นอื่น และนอกจาก 2 อย่างที่กล่าวมา ยังสามารถใช้งานลง Track หรือ ลงสนามแข่งได้ด้วยเช่นกัน เพราะได้มากับเครื่องยนต์ซุปเปอร์ชาร์จและช่วงล่างที่มีพื้นฐานมาจากรถแข่งของทางค่าย
รถจักรยานยนต์ Kawasaki Z H2 Supercharger มีทั้งหมด 3 สี
- สีดำ Metallic Spark Black
- สีเทา Metallic Graphite Gray
- สีดำ Mirror Coated Spark Black
รถจักรยานยนต์ Kawasaki Z-H2 2020 ราคา 917,200 บาท
Link ซื้อรถจักรยานยนต์ : Kawasaki Z-H2 2020
Youtube Review รถจักรยานยนต์ : Kawasaki Z-H2 2020
เป็นการยกระดับให้กับตระกูล Z ของ Kawasaki ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ใช้งานบิ๊กไบค์เป็นจำนวนมาก เพราะจะสัมผัสกับเครื่องยนต์ตัวนี้ได้ในราคาที่ ไม่ถึง 1 ล้านบาท ที่เมื่อก่อนจะวางอยู่ในตระกูล Ninja เท่านั้น ในครั้งนี้ได้นำมาใส่ในรุ่น รุ่น Kawasaki Z H2 Supercharger จักรยานยนต์ Naked Bike พันธุ์ดุจากญี่ปุ่น คันนี้ ให้ผู้ใช้งานสาย Naked Bike ได้ทดลองใช้งานกันบ้าง ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ใช้งานมากโดยไม่น้อย สำหรับวันนี้ผมและทีมงานต้องขอจบการนำเสนอไว้เท่านี้ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ได้กดเข้ามาอ่านบทความของเราในครั้งนี้ และกลับมาพบกันใหม่ในบทความครั้งหน้านะครับ สวัสดีครับ mywonderwheel
Credit ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ
Credit สล็อตฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ
