สำหรับในวันนี้ผมจะพาไปรู้จักกับลูกรักคันใหม่ล่าสุดของแบรนด์ Ferrari ที่ปัจจุบันเป็นพี่ใหญ่ของ Segment Special Edition อย่างรถยนต์ Ferrari Daytona SP3 รถยนต์ Super Car รุ่นล่าสุดของคลาส Icona ที่กับเครื่องยนต์ V12 N/A ทีรีดแรงม้าได้มากที่สุดของแบรนด์ คันนี้กันครับ โดยจะเป็นรุ่นที่โหดที่สุดใน Segment ของ Icona Series จากแบรนด์ Ferrari แล้ว ซึ่งมากับเครื่องยนต์ V12 N/A ที่เรียกได้ว่าเป็นเครื่องตัวที่ โหดที่สุดของแบรนด์ในปัจจุบัน ที่มากับพละกำลัง 840 แรงม้า ซึ่งถือว่าเข้ามาทำลายสถิติของรุ่น 812 Competizion ได้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งนอกจากเครื่องยนต์ที่โหดที่สุดแล้ว รถยนต์คันนี้ยังมีพื้นฐานโครงสร้างของตัวถังและแชสซีย์ที่ใช้วัสดุแบบเดียวกับรถ Fomula 1 อีกด้วย รวมไปถึงสมรรถนะช่วงล่าง , เบรก และ เทคโนโลยีความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ เองก็ใส่เข้ามาให้จัดเต็มกันเลย ส่วนจะมีรายละเอียดทั้งหมดอย่างไรบ้างนั้น เราไปรับชมกันเลยครับ
ดีไซน์ภายนอกรถยนต์ : Ferrari Daytona SP3
Exterior:ภายนอกของรถยนต์
- สำหรับดีไซน์การออกแบบของรถยนต์รุ่นนี้จะได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่งของแบรนด์ในอดีตของช่วงยุค 60s ที่ได้สร้างชื่อคว้าชัยในการแข่งขันสุดทรหดอย่างรายการ 24 Hours of Daytona ที่รถแข่งของ Ferrari เข้าเส้นชัยเป็น 3 อันดับต่อกัน โดยจะมากับรูปร่างที่เป็นรถหน้ายาวท้ายสั้น โดยจะมีโปร่งซุ้มล้อด้านหน้าทั้ง 2 ด้านสูงกว่าฝากระโปรงด้านหน้า พร้อมกับชุดแต่งสมัยใหม่ที่ใส่เข้ามาเพื่อเสริม Aerodynamic ให้กับตัวรถมากขึ้นไปอีก ซึ่งจะใช้ชิ้นส่วนของชุด Body Part เป็นวัสดุแบบคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดน้ำหนัก ตกแต่งอยู่บนกันชนหน้า และ กันชนท้ายดีไซน์ใหม่รอบคัน โดยจะมากับ Winglet ที่ทำออกมาเป็นบั้ง หลาย ๆ ชั้นรอบคัน ซึ่งผลที่ได้คือสามารถช่วยสร้างแรงกดให้กับตัวรถได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในด้านท้ายที่รถคันนี้ค่อนข้องมีช่วงท้ายที่เบา จึงต้องสร้างแรงกดสมรรถนะสูงเข้ามาให้มากที่สุด ส่วนชุดไฟหน้า และ ไฟท้ายเองก็มากับชุดไฟแบบ Full LED ทั้งหมด โดยไฟหน้าจะถูกออกแบบให้เปิดปิดได้เหมือนกับไฟ Pop-Up ส่วนไฟท้ายจะถูกออกแบบให้ฝังเนียนไปกับชุดบอดี้ด้านหลัง
- มีล้อแม็กซ์ Forged ดีไซน์ใหม่ ขนาด 21 นิ้ว
- มาพร้อมกับยาง Pirelli รุ่น P Zero
- มียางหน้าขนาด 275/35 ZR21
- มียางหลังขนาด 315/35 ZR21
Dimension:มิติตัวถังรถ
- มีความยาว 4,686 มิลลิเมตร
- มีความกว้าง 2,050 มิลลิเมตร
- มีความสูง 1,142 มิลลิเมตร
- มีระยะฐานล้อ 2,651 มิลลิเมตร
- มีความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุด 100 มิลลิเมตร
- มีน้ำหนักตัวถัง 1,485 กิโลกรัม
- มีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 90 ลิตร
ดีไซน์ภายในรถยนต์ : Ferrari Daytona SP3
Interior:ภายในรถยนต์
- สำหรับภายในห้องโดยสารก็จะมาในสีทูโทน หุ้มด้วย Alcantara แทบจะทั้งคัน โดยจะออกแบบให้ดูเหมือนรถแข่งมากที่สุด โดยปรับตำแหน่งของปุ่มควบคุมต่าง ๆ ให้มาอยู่ในตำแหน่งใกล้มือคืนขับมาที่สุด เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเอื้อม ใช้ชุดหน้าจอมาตรวัดแบบ Full Digital แบ่งออกเป็น 3 หน้าจอ โดยจะมีเข็มวัดรอบบริเวณกึ่งกลาง ส่วนพวงมาลัยก็มาในสไตล์รถแข่งแบบท้ายตัด ที่เต็มไปด้วยปุ่มควบคุมมากมายบนพวงมาลัย พร้อมไฟ Shift Light บนส่วนหัวของพวงมาลัย ส่วนเกียร์ของรถยนต์รุ่นนี้ก็จะอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งออกแบบมาเป็นคันโยก 3 ตำแหน่ง สวงงามไม่ซ้ำใคร
- มีเบาะนั่งคู่หน้าสไตล์สปอร์ตแบบ Racing Full Bucket Seat ยึดกับโครงสร้างตัวรถ ไม่สามารถปรับระดับได้ โดยจะไปปรับระดับที่ตัวแป้น คันเร่ง , เบรก และ พวงมาลัยแทน ส่วนต่อเบาะนั้นจะหุ้มด้วย Alcantara
Entertainment:ระบบความบันเทิง
- ถึงแม้จะเป็นรถเปิดประทุนที่มีสมรรถนะรถแข่งก็ตาม ทาง Ferrari ก็ยังใส่อุปกรณ์ความบันเทิงเข้ามาให้ทุกท่านได้ฟังเพลงในระหว่างทางกันได้ โดยจะฝังลำโพงไว้ตามส่วนต่าง ๆ รอบทิศทางของห้องโดยสาร และ มาพร้อมกับระบบ Smart Phone Interface ที่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับตัวรถได้ ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงระบบ Apple Car Play , Android Auto และ GPS ด้วยเช่นกัน
เครื่องยนต์รถยนต์ : Ferrari Daytona SP3
Engine:เครื่องยนต์
- รถยนต์รุ่นนี้จะมากับเครื่องยนต์เบนซิน V12 N/A ขนาด 6.5 ลิตร รหัส F140HC 6,496 ซีซี บล็อกเดียวกับในรุ่น 812 GTS แต่ชิ้นส่วนภายในทุก ๆ อย่างได้ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดด้วยการนำวัสดุที่มีสมรรถนะสูงขึ้นในทุก ๆ ด้านมาใช้ทั้งหมด ตั้งแต่ในเรื่องความทนทาน ทั้งการเคลือบสารหล่อลื่น ไปจนถึงน้ำหนักที่เบาลงในทุกชิ้นส่วน รวมไปถึงตัวเพลาข้อเหวี่ยงเองก็ใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบามาก ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมา ทำให้รถยนต์คันนี้ลากรอบได้สูงมากขึ้น โดยจะมี Redline ไปสุดอยู่ที่ 9,500 รอบเลย และ ตัวแรงบิดเองถึงแม้จะมีตัวเลขที่น้อยกว่า แต่ก็เริ่มทำงานได้ตั้งแต่ในรอบต่ำ ส่วนตัวเลขสมรรถนะที่รถยนต์คันนี้ทำได้
- มีพละกำลังอยู่ที่ 840 แรงม้า ที่ 9,250 รอบต่อนาที
- มีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 697 นิวตันเมตร ที่ 7,250 รอบต่อนาที
- มีอัตราเร่งจาก 0-100 KM/H ได้ในเวลา 2.85 วินาที
- มีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 340 KM/H
- ส่วนระบบส่งกำลังจะใช้เป็นเกียร์ Dual Clutch 7 สปีด รุ่น F1 ที่มาพร้อมกับระบบ Quick Shifter ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วขึ้น 5% ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลัง รองรับน้ำมันเบนซิน 95 เท่านั้น
ระบบความปลอดภัยของรถยนต์ : Ferrari Daytona SP3
- ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยในส่วนที่เด่นที่สุดจะไม่ใช้ช่วงล่าง และ เบรก หรือ เทคโนโลยีสมรรถนะสูงต่าง ๆ ที่ในรถรุ่นนี้ก็จะไม่ได้มีอุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ที่แตกต่างจาก Ferrari รุ่นพิเศษคันอื่น ๆ มากนัก ที่จะใช้ช่วงล่างเป็นแบบอิสระที่สามารถปรับค่าการทำงานต่าง ๆ ได้ด้วยระบบไฟฟ้า แบบเดียวกัน และ เบรก Carbon Ceramic ที่ทนทานกับความร้อนสูงได้ก็ดูไม่แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ มากนัก แต่สวนที่แต่ต่างและหาไม่ได้จากรถคันไหนเลยคือการใช้โครงสร้างตัวถังและแชสซีย์ด้วยวัสดุแบบ คอมโพสิต ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับรถยนต์ Formula 1 จึงทำให้ตัวรถมีการควบคุมที่ให้ความรู้สึกเหมือนขับรถแข่งอยู่ตลอดเวลา แถมยังช่วยให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาลงได้มาก และ ระบบจัดการอากาศของรถยนต์คันนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่มีค่าแรงเสียดทานน้อยที่สุด ในตระกูลของเครื่องยนต์ V12 N/A แบบวางหน้าด้วยเช่นกัน
สรุปรถยนต์ : Ferrari Daytona SP3
สำหรับรถยนต์คันนี้ก็ถือว่าเป็นพี่ใหญ่ในตระกูลรุ่นพิเศษอย่าง Icona Series ที่ถูกผลิตออกมาเพียง 599 คันเท่านั้น โดยจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 N/A ที่ดีที่สุดในค่ายในเวลานี้ ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ก็มีต้นแบบ มาจากรถแข่งของ Ferrari ในยุค 60s ที่เข้าเส้นชัยต่อกัน 3 คัน ในรายการ 24 Hours of Daytona จนทำให้ชื่อนี้หวนกลับมาอยู่บนรุ่นพิเศษอีกครั้งในปี 2022 เพื่อส่งต่อให้เหล่าบรรดานักสะสม หรือ กลุ่มลูกค้าชั้นดีของแบรนด์ Ferrari ให้เป็นผู้ดูแลต่อไป
รถยนต์ Ferrari Daytona SP3 สามารถเลือกสีตัวถังได้อย่างอิสระ
รถยนต์ Ferrari Daytona SP3 มีสีให้เลือกมากกว่า 300 สี
ราคารถยนต์ : Ferrari Daytona SP3
รถยนต์ Ferrari Daytona SP3 ราคา 75,000,000 บาท (ไม่รวมภาษี)
Link ซื้อรถยนต์ : Ferrari Daytona SP3
เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ที่โหดที่สุดในตระกูลเครื่องยนต์ วางหน้าของแบรนด์ Ferrari ในปัจจุบันแล้ว สำหรับ Ferrari Daytona SP3 รถยนต์ Super Car รุ่นล่าสุดของคลาส Icona ที่กับเครื่องยนต์ V12 N/A ทีรีดแรงม้าได้มากที่สุดของแบรนด์ คันนี้ ที่ได้ทำการปรับแต่งด้านในของเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด ให้เป็นวัสดุที่ดีที่สุดเท่าที่ใจใส่ลงไปได้ ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ออกมาเกินคาด เพราะ Ferrari สามารถผลิตเครื่องยนต์ N/A วางหน้าที่มีพละกำลัง 840 แรงม้าได้ ในช่วงเวลาที่ทุกคนมองว่าน่าจะหยุดการพัฒนาไปแล้วด้วยซ้ำ